หลังจากเฝ้าดูสหรัฐอเมริกา และรัสเซียเล่นบทบาท 2 ชาติมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอวกาศมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ในที่สุดจีนก็เริ่มเดินหมากเพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนด้านเทคโนโลยีอวกาศ ช่วงเวลาที่ผ่านมาจีนได้อุดช่องว่างในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว และการปล่อยจรวด Long March-2C ครั้งล่าสุด เป็นสิ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
จีนได้ทำการปล่อยจรวดจากฐานใน Taiyuan space center ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เจ้าจรวดลำนี้ได้นำพาดาวเทียมสังเกตการณ์ที่ทำหน้าที่สอดส่องโลกของเราเอง แต่ทางจีนยืนยันว่าไม่ได้ใช้ดาวเทียมดวงนี้เพื่อการสอดส่องทางการทหารแต่อย่างใด แต่มันจะสอดส่องสภาพของมหาสุมทรเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์
https://youtu.be/nQFTRTg1bTM (คลิปการปล่อยจรวด Long March-2C เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา)
โดยสื่อที่ดูแลโดยรัฐบาลจีนอย่างสำนักข่าว Xinhua ได้รายงานข่าวว่า จรวด Long March-2C ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมที่มีชื่อว่า Haiyang 1C (HY-1C) โดยได้มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำงานในหน้าที่ที่หลากหลายให้กับดาวเทียมดวงนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่จะทำให้จีนสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิของมหาสมุทร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์
ข้อมูลจากสำนักข่าว Xinhua ให้รายละเอียดว่า ข้อมูลที่รวบรวมมาได้จากดาวเทียม จะถูกนำมาใช้ในการศึกษาทรัพยากร และสภาพแวดล้อมนอกชายฝั่งของจีน รวมถึงเกาะ บริเวณชายฝั่ง เพื่อประโยชน์ในการบรรเทาภัยพิบัติทางทะเล และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยดาวเทียมดวงนี้มีระยะเวลาปฏิบัติการ 5 ปี และมันจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตลอดอายุขัยของมัน และข้อมูลจากทางการจีนให้รายละเอียดว่า มันสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรหลากหลายพื้นที่ ทำให้จีนสามารถติดตามสภาพความเป็นอยู่ของประชากรสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ
แต่ถึงแม้สื่อและทางการจีนจะออกมายืนยันอย่างหนักแน่นถึงฟังก์ชั่นการทำงานของดาวเทียมดวงนี้ แต่ก็มีความกังวลจากหลายๆ ฝ่ายว่า มันอาจจะถูกใช้ประโยชน์มากกว่างานด้านวิทยาศาสตร์ เป็นที่รู้กันดีว่าจีนมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนบนเกาะหลายๆ แห่งในทะเลจีนใต้ และดาวเทียมที่สามารถเฝ้ามองสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่ง มันก็อาจจะสามารถตรวจจับสัญญาณจากเรือที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ ทำให้เป็นเครื่องมือสอดแนมชั้นดีเลยทีเดียว
ที่มา : bgr.com
11/09/2018