นักวิชาการค้านมาเลย์ฮุบชื่อโดเมน'ดอทไทย'

[brid.ladawan]

นักวิชาการค้านมาเลย์ฮุบชื่อโดเมน'ดอทไทย'


ปี 2554 คณะกรรมการหน่วยงานกลางรับจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ (Internet Corporation for Assigned Names and Numbers หรือ ไอแคนน์) เปิดรับจดแอพพลิเคชั่นใหม่ 1950 แอพพลิเคชั่นๆ ละ 5 ล้านบาท หรือ 6 หมื่นดอลลาร์ ในจำนวนนี้มีแอพพลิเคชั่นไทยยื่นจดไป 2 แอพพลิเคชั่น คือ เอสซีบี (.scb) และไทย (.thai) ซึ่งเอสซีบีได้ผ่านการพิจารณาได้สิทธิ์มาแล้ว แต่ดอทไทยหยุดกระบวนการพิจารณา

แหล่งข่าว กล่าวว่า คณะทำงานกอฟเวิร์นเมนทัล แอดไวซอรี่ (จีเอซี) ซึ่งประชุมที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2556 ได้มีข้อแนะนำแก่ไอแคนน์ ให้เลื่อนการพิจารณาประเมินเบื้องต้นของการยื่นขอสิทธิ์บริหารโดเมน .thai ของบริษัทเบ็ทเทอร์ ลิฟวิ่ง แมเนจเมนท์ จำกัด

จากข้อมูลที่ปรากฏบริษัทดังกล่าวมีชื่อผู้บริหารเป็นไทย แต่ทุนเบื้องหลังเป็นของชาวมาเลเซีย ซึ่งได้เดินเรื่องขอหนังสือรับรองจากปลัดกระทรวงต่างๆ ของไทย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ช่วงปีดังกล่าว นำไปประกอบการยื่นขอจดสิทธิ์ที่กล่าวถึง แต่ภายหลังเมื่อปลัดกระทรวงไอซีทีได้ทราบรายละเอียดจึงทำหนังสือขอถอนการรับรองนั้นยื่นต่อไอแคนน์

ข้อมูลทางธุรกิจ บริษัทดังกล่าว จดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ การยื่นจดแอพพลิเคชั่นมี 2 กรณี คือ การจดชื่อภูมินาม (Geographical Name) และการจดชื่อชุมชน (Community Name) ซึ่งกระบวนการจะแตกต่างกัน การจดชื่อภูมินามต้องติดต่อโดยรัฐบาล แต่จดชื่อคอมมูนิตี้ ต้องมีคอมมูนิตี้รับรอง

"จะเห็นได้ว่า การยื่นเรื่องขอจดดอทไทยนี้มีเจตนาเลี่ยงจดชื่อภูมินาม เพราะถ้าจดแล้ว รัฐบาลมีสิทธิ์คัดค้านได้ทันที แต่จดคอมมูนิตี้ ไม่ต้องมีรัฐบาลรับรอง และการคัดค้านควรเป็นระดับคอมมูนิตี้ด้วยกัน เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มการบิน กลุ่มธุรกิจ"

แหล่งข่าว กล่าวว่า การดำเนินการคัดค้านเรื่องเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตค่อนข้างยากลำบากสำหรับประเทศไทย เพราะไม่ค่อยมีข้าราชการที่รู้เรื่อง การเซ็นเอกสารของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็อาจเซ็นไปตามที่มีผู้เสนอเรื่องขึ้นมา และผู้ดำเนินการยังมีอิทธิพลทางการเมืองหนุนหลัง แม้จะไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็ตาม

พร้อมกับแสดงความเห็นว่า หากปล่อยให้ชื่อโดเมนดอทไทยตกอยู่ในมือเอกชน โดยเฉพาะเป็นต่างชาติ อาจทำให้ดูแลลำบาก หากนำดอทไทยไปให้จดเว็บโป๊ ลามกอนาจาร หรือเป็นแหล่งปล่อยไวรัส ฟิชชิ่งต่างๆ จะนำความเสื่อมเสียมาถึงประเทศไทยด้วย

นางกาญจนา กาญจนสุต รองประธานมูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย กล่าวว่า กรณีของ .thai เป็นโดเมนที่ไม่ควรให้บริษัทนำไปหาประโยชน์ ยิ่งเป็นบริษัทต่างชาติยิ่งเป็นอันตราย เพราะใช้ชื่อไทยหาประโยชน์ทางธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ที่ทำได้ขณะนี้คือ ตัวแทนภาครัฐพยายามคัดค้านการยื่นขอสิทธิในชื่อดังกล่าว เพราะเจตนาของเอกชนรายดังกล่าวชัดเจนว่าไม่ส่งผลดีต่อประเทศไทย เพราะใช้เกณฑ์การขอจดโดเมนที่เลี่ยงการเข้าข่ายว่าเป็นการขอใช้ชื่อเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งรัฐน่าจะมีบทบาทหรือปฏิกิริยาต่อเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้นหากไม่ต้องการสูญเสียพรมแดนของไทยบนโลกไซเบอร์

"ความไม่รู้เรื่องของข้าราชการไทยเป็นอันตรายมากต่อสังคมอินเทอร์เน็ตไทย ซึ่งรัฐต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง และอาศัยความเข้มแข็งของคอมมูนิตี้ช่วยปกป้องโดเมนที่ควรเป็นของประเทศไว้"

นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ตัวแทนรัฐได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อไอแคนน์แล้วว่า .thai เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ และไม่ควรจะนำมาเป็น Top Level Domain ซึ่งจะทำให้คนยิ่งสับสนและสิ้นเปลืองกับธุรกิจต่างๆ ที่ต้องลงทุนซื้อโดเมนเพิ่ม เพราะมีโดเมน .ไทย และ .th อยู่แล้ว และผลเสียเมื่อตกไปอยู่ในมือเอกชนก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปก็พอจะมองออกว่าเสียหายเพียงใด

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 30 พฤษภาคม 2556
ไอที-นวัตกรรม