กรมคุมประพฤติเผยใช้กำไลข้อเท้ารายแรกผ่านฉลุย

[brid.ladawan]

กรมคุมประพฤติเผยใช้กำไลข้อเท้ารายแรกผ่านฉลุย

กรมคุมประพฤติเผย ผลการทดลองใช้กำไลอิเล็คทรอนิคส์ กักบริเวณผู้กระทำผิด ผ่านฉลุย มีเพียงเหตุขัดข้องเล็กน้อย เตรียมใช้กับผู้ต้องหารายที่สอง

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผย ถึงการใช้อุปกรณ์กำไลอิเล็คทรอนิกส์ในการควบคุมผู้ต้องโทษรายแรกซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือ เป็นหน่วยงานนำร่อง ในการใช้แทนการคุมขังโดยเป็นผู้ต้องโทษคดีเมาแล้วขับว่า วันนี้ถือเป็นวันครบกำหนดที่ศาลมีคำสั่งให้ใช้อุปกรณ์ควบคุมผู้กระทำผิด รายแรกเป็นเวลา 7 วัน จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการตัดอุปกรณ์ให้ผู้ต้องโทษ ซึ่งผลการทดลองปรากฎว่า ผู้ต้องโทษรายแรกได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งศาลห้ามออกจากเคฆสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ค่อข้างเคร่งครัด มีเพียงหนึ่งครั้งที่ สัญญาณแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุมฯและโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่เมื่อกลางดึกวันที่ 13 มี.ค. แต่ก๋กกินเวลาไม่ถึง 1 นาที อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้ถูกควบคุมระบุว่าไม่ได้ทำผิดเงื่อนไข เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจเกิดจากความบกพร่องของสัญญาณในช่วงดังกล่าว

อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวต่อว่า ในอนาคตจะมีการขยายการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังเป็นเพียงการใช้งานตามโครงการนำร่อง 200 เครื่องเท่านั้น หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมจัดซื้ออุปกรณ์เพิ่มประมาณ 3,000 เครื่องโดยเชื่อว่าการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิดเล็กน้อยที่มีโทษไม่เกิน 3 ปี และกระทำผิดเป็นครั้งแรกได้ ซึ่งกรมคุมประพฤติมีหน้าที่ในการสืบเสาะประวัติผู้กระทำผิดและครอบครัวก่อนมีการเสนอความเห็นต่อศาล ซึ่งการใช้อุปกรณ์จำเป็นต้องมีการสอบถามความสมัครใจของผู้ต้องโทษด้วย

ด้านนายทัพพ์ฐพนธ์ ลั่นซ้าย ผอ.สำนักงานคุมประพฤติ กทม. 2 ในฐานะผอ.ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ผู้ถูกควบคุม ยอมรับการใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ควบคุมรายแรกอาจมีอุปสรรคบ้าง เกี่ยวกับกรณีที่ผู้ถูกควบคุมยังไม่คุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์ จึงกดปุ่มเล่นทำให้มีการส่งสัญญาณเตือนมาที่ศูนย์ควบคุมและที่โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่มากถึง 60 ครั้ง จึงต้องมีการติดต่อไปแนะนำและกำชับเรื่องการใช้งาน เนื่องจากมีปุ่มขอความช่วยเหลือซึ่งจะใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งการใช้อุปกรณ์จะมีการบันทึกความเคลื่อนไหวและแจ้งเตือนทุกครั้งประกอบการพิจารณาและนำเสนอผลการใช้ต่อศาล จากการสอบถามผู้ต้องโทษที่ใช้อุปกรณ์ควบคุมยอมรับว่าพอใจที่ไม่ต้องถูกนำตัวไปคุมขังและไม่ได้รู้สึกรำคาญอุปกรณ์ ซึ่งการที่ศาลมีคำสั่งให้ใช้อุปกรณ์แทนคุมขังก็ทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น

ขณะที่นางกรกช นาควิเชตร ผอ.สำนักพัฒนาการคุมประพฤติ กล่าวว่า ล่าสุดทราบว่าในวันนี้ศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับผู้ต้องโทษเพิ่มเติมอีก 1 ราย เป็นผู้ต้องโทษคดียาเสพติดแต่ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเงื่อนไขที่ศาลกำหนด เนื่องจากการใช้อุปกรณ์จะสามารถออกข้อกำหนดได้หลายอย่างทั้งเรื่องการจำกัดพื้นที่ห้ามเข้าหรือห้ามออก เส้นทาง รวมถึงเรื่องความเร็ว เพื่อไม่ให้ผู้ต้องโทษกระทำผิดซ้ำหรือไปก่อเหตุกับผู้อื่นทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมแทนการคุมขังแล้วจำนวน 39ราย แบ่งเป็นกรณีศาลมีคำสั่งใช้จำนวน 2 รายส่วนที่เหลืออีก 37 ราย เป็นกรณีการพักโทษและการฟื้นฟูสมรรถภาพ.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่14 มีนาคม 2557