ขยายผลความสำเร็จ‘แหลมผักเบี้ย’ สู่ชุมชน

[brid.ladawan]

ขยายผลความสำเร็จ‘แหลมผักเบี้ย’ สู่ชุมชน

หลังจากที่องคมนตรีและคณะได้ชมวีดิทัศน์ และรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการฯ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลสำเร็จจากการศึกษาวิจัยว่าควรให้มีการขยายผลไปสู่ชุมชนใกล้เคียง และชุมชนอื่น ๆ

พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผัก เบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชร บุรี โดยมีนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายสมบูรณ์ วงศ์กาด ผู้อำนวยการสำนักประสานงานโครงการพื้นที่ 1 รศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิชัยพัฒนา ให้การต้อนรับเมื่อวันก่อน

หลังจากที่องคมนตรีและคณะได้ชมวีดิทัศน์ และรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการฯ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลสำเร็จจากการศึกษาวิจัยว่าควรให้มีการขยายผลไปสู่ชุมชนใกล้เคียง และชุมชนอื่น ๆ และเพื่อให้การบำบัดน้ำเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดให้มีการติดตามผลของการศึกษาดูงานของคณะต่าง ๆ ที่เดินทางมาศึกษาดูงานในโครงการว่า ภายหลังจากหน่วยงานและกลุ่มบุคคลจากชุมชนเหล่านั้นได้เข้ามาศึกษาดูงานแล้ว เมื่อกลับไปได้มีการนำความรู้ไปปฏิบัติมากน้อยเพียงใด

ในโอกาสนี้ องคมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมการดำเนินงานภายในบริเวณพื้นที่โครงการฯ อาทิ การบำบัดน้ำเสียโดยใช้บ่อบำบัด ระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย ระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม แปลงพืชป่าชายเลน และการกำจัดขยะโดยใช้กล่องคอนกรีต เป็นต้น

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2533 โดยให้มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับขยะมูลฝอยและน้ำเสียในชุมชน ซึ่งมีผล ต่อการรักษาสภาพป่าชายเลนด้วยวิธีการทางธรรมชาติและรักษาธรรมชาติ

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้น มา โดยดำเนินการในพื้นที่สาธารณประโยชน์ ณ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอ บ้านแหลม จังหวัดเพชร บุรี เนื้อที่ประมาณ 642 ไร่ ต่อมาทางโครงการฯ ได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะชุมชนที่อยู่บนพื้นฐานของการประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศได้อย่างกว้างขวาง

ปัจจุบันการดำเนินการในกิจกรรม ต่าง ๆ ได้ประสบความสำเร็จและสามารถขยายผลสู่การปฏิบัติใช้ในพื้นที่อื่น ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้การกำจัดขยะและการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการทางธรรมชาติได้รับการตอบรับและขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงสถาบันการศึกษาได้นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมและแพร่หลายอีกด้วย.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่15 มีนาคม 2557