ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ดิน

Post Reply
brid.siriwan
Posts: 3942
Joined: 05 Apr 2013, 08:47

ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ดิน

Post by brid.siriwan »

ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ดิน

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ดิน

โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์

บ้านเมืองจะไปทิศทางใด คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีสูตรพิเศษอะไรที่จะก่อให้เกิดความมั่นคง พัฒนาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆ อย่างถาวรหรือไม่

นี่เป็นประเด็นสำคัญที่จะถูกบรรจุไว้ในธรรมนูญการปกครองชั่วคราว ซึ่งกำลังถูกยกร่างโดยนักกฎหมายนำโดยนายวิษณุ เครืองาม ชี้ให้เห็นเจตนาว่า คสช. จะมุ่งเน้นความสำคัญต่อเรื่องใด และอย่างที่ว่าไว้ก่อนหน้านี้ว่าคณะยกร่างจะต้องทำให้แผนต่างๆ ตรงกับบุคคลิก แนวคิด ของผู้นำประเทศคนใหม่ ซึ่งต้องมีสติปัญญา ใจถึง พึ่งได้

แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ถ้าจะทำให้เข้าเป้า ต้องใจถึงจริง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้สังคมทุกระดับ จัดการระบบเศรษฐกิจแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เปิดช่องให้กลุ่มผู้มีเงินทุน ธุรกิจขนาดใหญ่ทำอะไรก็ได้ในการกอบโกยความมั่งคั่งโดยไม่เห็นแก่ชะตากรรมเพื่อนร่วมแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในสภาพแร้นแค้นแทบไม่มีจะกิน

ต้องปฏิรูปที่ดิน จำกัดการถือครองที่ดิน ตรวจสอบกรรมสิทธิที่ดินว่ามีกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ หรือชาวต่างชาติให้คนไทยเป็นตัวแทนถือครองที่ดินในภาคเกษตรกรรมหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่แผ่นดินไทย 100 ล้านไร่ หรือ 1 ใน 3 ของประเทศตกเป็นกรรมสิทธิ ถูกถือครองโดยคนต่างด้าวโดยวิธีการต่างๆ เป็นการเลี่ยงกฎหมายชัดเจน

ถ้าไม่ปฏิรูปที่ดิน เราจะแก้ปัญหาไม่จบสิ้นในเรื่องการบุกรุกป่าสงวน ที่ดินของรัฐ เพื่อหาที่ทำกิน จากนั้นเปิดทางให้นายทุนเงินหนาเข้าไปถือครองแทน อย่างที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ คสช. ต้องจัดการเอาที่ดินภายไต้การถือครองโดยผิดกฎหมายคืนมาจากผู้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการเกษตร รีสอร์ท หรือกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งที่พักอาศัย

แหล่งที่นิยมคือพื้น ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ที่เหมาะสำหรับปลูกบ้านหลังที่ 2 เช่นเขาใหญ่ สมุย ภูเก็ต จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และประเทศไทยแทบทุกแห่งเป็นแหล่งสร้างรายได้ทั้งนั้น แม้แต่ในป่าเขา ยังมีการลักลอบตัดไม้ การครอบครองโดยผู้มีอิทธิพลเป็นร้อยๆ พันๆ ไร่

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในคณะที่ปรึกษากฎหมายของ คสช. ได้กล่าวไว้ช่วงหนึ่งในงานสัมมนาที่กระทรวงกลาโหมวันก่อน เพื่อเป็นโครงสร้างสำหรับการปฏิรูป และไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นปัญหาเดิมๆ แต่ยังไม่มีใครแก้ไขอย่างจริงจัง ได้ผล

นายบวรศักดิ์ย้ำว่า “ปัญหาที่ขัดแย้งกันทุกวันนี้ ถ้าวิเคราะห์ให้ถึงก้นบึ้ง จะพบว่าเป็นปัญหา 2 ระดับ คือความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับประชาชนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาล และประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เอารัฐบาล ซึ่งถือเป็นปัญหาเฉพาะหน้า เหมือนเป็นคนไข้ ที่ต้องหาทางในการทำอย่างไรให้อาการไข้ลดลง คสช.ทำเรื่องปรองดองให้เกิดความสันติสุขเฉพาะหน้า”

ที่เห็นชัดเจนคือ “กลุ่มที่เอาทักษิณ” และ “กลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ” และ “กลุ่มไม่เอาอะไรกับใครทั้งนั้น” ขอตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินอย่างเดียว ใครชุมนุมทางการเมือง หรือเรื่องอะไรก็บ่นว่าสร้างปัญหาการจราจร ทำให้ลำบากในการประกอบอาชีพ

ที่หนักข้อกว่าใครคือทัศนคติที่เลวร้าย ยอมรับว่าใครจะโกงบ้านกินเมืองก็ช่าง ขอให้ตัวเองใด้ประโยชน์บ้างเถอะ เป็นแนวคิดมืดบอดด้านคุณธรรม ศีลธรรม ดีหรือชั่ว เป็นการเอาแต่ได้ มักง่าย เห็นแก่ตัว เป็นสภาพของสังคมไร้รากฐานเพื่ออนาคตยั่งยืน

ประเด็นสำคัญ นายบวรศักดิ์ได้ยกตัวเลขด้านเศรษฐกิจสะท้อนระบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา ให้เห็นชัด เป็นความเจ็บปวดทางความรู้สึกอย่างยิ่ง สภาวะเช่นนี้มีที่ไหน ก็จะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างสังคม และความมั่นคงทั้งนั้น

นายบวรศักดิ์บอกว่า “ความขัดแย้งในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม โดยดูจากตัวเลขการกระจายรายได้ ตั้งแต่มีสภาพัฒน์ และมีแผนฉบับที่ 1 เป็นต้นมา คน 80% ของประเทศเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติ 25% และคน 20% ของประเทศเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติถึง 55% ขณะที่มีแค่คนไม่ถึง 20% ถือครองทรัพย์สินของประเทศ 69% ส่วนคนอีก 80% ถือครองทรัพย์สิน 30%

เมื่อดูบัญชีในธนาคารพบว่า คนเพียงไม่เกิน 5 หมื่นคน เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากในระบบธนาคารเกินครึ่งหนึ่งของระบบธนาคารพาณิชย์ แสดงว่ามีการพัฒนาแบบรวยกระจุก-จนกระจาย อันเป็นที่มานโยบายประชานิยม เป็นความขัดแย้งระหว่างคนมั่งมีมหาศาล กับคนไม่มี ระหว่างคนชั้นกลางระดับบน และชนชั้นกลางระดับล่าง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่ต้องแท้จริง”

นี่ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ เป็นเรื่องเก่า หมักหมมกันมายาวนาน เมื่อไม่มีใครแก้ไขก็ทำให้เกิดการกระจายตัว โดยเฉพาะการถือครองที่ดิน กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ใช้ความได้เปรียบด้านอิทธิพลการค้า อำนาจเงิน เครือข่ายต่างๆ กว้านซื้อที่ดิน ขยายถือครองกรรมสิทธิหลายแสนไร่ ถ้าไม่มีใครหยุดการกระทำเช่นนี้ ที่ดินชาวนาจะไม่เหลือแน่นอน

ความกล้าหาญ ความตั้งใจจริงของ คสช. ในเรื่องปฏิรูปการเมือง จะเป็นตัวตัดสินอนาคต ทิศทางของระบบเศรษฐกิจ สังคมของบ้านเมือง ถ้ายังเกรงใจนายทุนใหญ่ เจ้าของธุรกิจ ลูบหน้าปะจมูก เกษตรกรรมของประเทศจะตกอยู่ในมือของนายทุน

ต้องจำกัดการถือครองที่ดินสำหรับการพาณิชย์ การเกษตร และกิจกรรมต่างๆ การอยู่อาศัยของแต่ละนิติบุคคล กลุ่มบุคคล และบุคคล ป้องกันการเก็งกำไร การใช้ที่ดินโดยไม่เหมาะกับสภาพประเทศ การใช้อำนาจเงินซื้อที่ดิน ส่งผลร้ายต่อส่วนรวม

จะทำให้สำเร็จ คสช. ต้องใช้ความกล้าหาญ ทำโดยยังมีอำนาจอยู่ จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะการถือครองที่ดิน อสังหาริมทรัพย์โดยต่างชาติ ถ้าจะให้กระบวนการปกติ การตรากฎหมายโดยไม่มีอำนาจพิเศษ ปัญหานี้จะมีต่อไป

ถ้า คสช. เพิกเฉย ไม่กล้าแตะเรื่องนี้ วันหนึ่งคนไทยคงต้องอาศัยบนแผ่นดินไทยที่มีนายทุนธุรกิจขนาดใหญ่ คนต่างชาติเป็นเจ้าของ ชาวนาคงสูญพันธุ์ เหลือแต่ธุรกิจเกษตรครบวงจร สามารถกำหนดราคาสินค้า อาหาร โดยคนไทยผู้บริโภคไม่มีทางเลือก

ที่มา ASTVผู้จัดการรายวัน
วันที่ 4 กรกฎาคม 2557
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”