สกัดการเมืองแทรกแซงปฏิรูปการศึกษา

[brid.siriwan]

สกัดการเมืองแทรกแซงปฏิรูปการศึกษา

“สมพงษ์”เสนอดึงอดีตบอร์ดสปศ.ร่วมเป็นกรรมการปฏิรูปการศึกษา เพราะรู้จุดอ่อน-แข็งดี แนะหามาตรการสกัดการเมืองแทรกแซงการทำงานปฏิรูปการศึกษาของประเทศ

วันนี้ (8ก.ค.) รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา และสำนักงานปฏิรูปการศึกษา ว่า หน่วยงานที่จะจัดตั้งขึ้นควรวางแผนการทำงานและกำหนดวาระงานในแต่ละปีให้ชัดเจน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าคณะกรรมการฯ ควรเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มาจากบุคคลหลายกลุ่มอายุตั้งแต่ผู้ใหญ่ยุคปัจจุบัน ผู้เกษียณอายุที่มีประสบการณ์การปฏิรูป และนักเรียน นักศึกษา รวมถึงอดีตคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา(สปศ.) เพื่อจะได้ทราบถึงจุดอ่อนจุดแข็งความสำเร็จ ความล้มเหลว และสภาพปัญหาของการปฏิรูปครั้งที่ผ่านมา เข้ามาร่วมทำงาน เพื่อร่วมกันออกแบบคุณลักษณะพลเมืองไทยในอนาคต พร้อมตั้งโจทย์ปัญหาการศึกษา วางกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา และหาวิธีการที่จะทำให้ข้อเสนอ หรือการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งมีผลทำให้หน่วยงานการศึกษาปฏิบัติตามเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาขับเคลื่อนไปได้

“ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ ที่หลายภาคส่วนแสดงออกว่า พร้อมร่วมปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) แต่เห็นว่าปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ควรวางมาตรการสกัดไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงาน และคณะกรรมการฯ อย่ายึดระบบราชการในการทำงานมากเกินไปเพราะจะทำให้การศึกษาไทยล้มเหลวได้” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวและว่าในการปฏิรูปการศึกษาควรยึดหลัก 3 เสาหลัก คือ1. วางแผนแม่บท และปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะนำไปสู่การกระจายอำนาจลงสถานศึกษาและท้องถิ่น ให้มีความเข้มแข็ง 2. การปรับหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับคุณลักษณะพลเมืองไทยที่วางไว้ เช่น เป็นคนที่มีความเป็นสากลผสมผสานกับความเป็นไทย และ 3.การผลิตครู ที่ต้องควบคุมการผลิตครูรุ่นใหม่ และทำให้ครูในระบบ เข้าใจถึงแก่นแท้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้อย่างแท้จริง ส่วนโรดแม็พปฏิรูปการศึกษาของ ศธ. ต้องบูรณาการกับข้อเสนอของคณะกรรมการฯ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันด้วย.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 8 กรกฎาคม 2557