ผัก-ผลไม้ไทยโกอินเตอร์ฉลุย

[brid.siriwan]

ผัก-ผลไม้ไทยโกอินเตอร์ฉลุย

“เทสโก้”ออเดอร์ทะลักจ่อส่ง 6,500 สาขาทั่วโลก

“เทสโก้ โลตัส” ลั่นกลองรบหนุนส่งออกผัก-ผลไม้ไทยตีตลาดโลก ประเดิมเจาะตลาดมาเลเซีย เน้นส่งออกผัก-ผลไม้ตามฤดูกาล หลังประสบความสำเร็จจากอาหารกระป๋องและอาหารสัตว์ไปยังสาขาเทสโก้กว่า 6,500 แห่งทั่วโลก มั่นใจปีนี้ออเดอร์ส่งออกสินค้าไทยเติบโต 15% หลังจากปีที่แล้วทำยอดส่งออกได้กว่า 3,200 ล้านบาท

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท บริษัทเอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายร้านค้าปลีก “เทสโก้ โลตัส” เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทมีแผนส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาด ที่มีศักยภาพในการเติบโต หลังจากบริษัทประสบความสำเร็จในการส่งออกสินค้าไทยไปยังร้านค้าของเทสโก้กว่า 6,500 แห่ง ทั้งในสหราชอาณาจักร, ยุโรปกลาง และเอเชีย

“ในฐานะผู้นำค้าปลีกในประเทศไทย บริษัทจะใช้ขนาดของธุรกิจให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการไทย โดยบริษัทพร้อมจะส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยให้มากยิ่งขึ้น เน้นการส่งออกไปในประเทศที่ประเมินแล้วว่ามีศักยภาพ อย่างเช่น มาเลเซีย ที่บริษัทจะเน้นส่งออกผักและผลไม้ตามฤดูกาลให้มากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จจากการส่งออกอาหารกระป๋องและอาหารสัตว์ ภายใต้แบรนด์เทสโก้ก่อนหน้านี้”

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งออกสินค้าไทยหลายประเภทไปยังร้านค้าของกลุ่มเทสโก้ 12 ประเทศทั่วโลก ทั้งผลไม้ไทยตามฤดูกาล อาหารทะเล อาหารกระป๋อง และอาหารสัตว์ รวมถึงของเล่นและอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ โดยในปี 56 มีมูลค่าส่งออกประมาณ 3,200 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 15%

นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ โดยการจัดหน่วยงานจัดซื้อกลางที่จะทำงานร่วมกับผู้ผลิตของไทย เพื่อพัฒนาสินค้าสำหรับส่งออก โดยล่าสุดมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ ได้แก่ สินค้าประเภทเครื่องเขียน เช่น กระดาษทำสำเนา และดินสอ รวมถึงน้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ รวมไปถึงกลุ่มโรงงานที่ผลิตตุ๊กตา เป็นต้น ซึ่งการจัดตั้งหน่วยงานจัดซื้อกลางนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถจัดหาและจัดส่งสินค้าไทยได้ตรงตามต้องการของตลาดในประเทศนั้นๆ ทั้งยังเป็นประโยชน์กับผู้ผลิตชาวไทยที่จะได้ขายสินค้าโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมถึงด้านการจัดส่งสินค้าก็จะมีทีมงานจากบริษัทไปให้ความรู้ในการเก็บสินค้า การบรรจุสินค้า และขั้นตอนการจัดส่ง ซึ่งก็จะทำให้สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น

ด้านนางสาววิชาดา ภาบรรเจิดกิจ อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายการพาณิชย์ ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย เพราะจากสถิติมาเลเซียมีการนำเข้าสินค้าจากไทยมากเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยสินค้าที่นำเข้าจากไทยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ส่วนสินค้าประเภทอาหาร ผัก และผลไม้ ก็ยังจัดอยู่ในลำดับ 1 ใน 10 เหมือนกัน ซึ่งในอนาคตกลุ่มอาหารจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น โดยมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยในปี 56 อยู่ที่ 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตจากปีก่อน 4.7%
นอกจากนี้ในช่วงปี 58 ประเทศมาเลเซียจะออกกฎควบคุมการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร โดยหลักๆ
จะควบคุม 3 ส่วน คือ 1.การแยกเกรดสินค้าให้ชัดเจน 2.บรรจุภัณฑ์จะต้องถูกหลักอนามัย และ 3.การแสดงฉลากแสดงข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วน ซึ่งหากเป็นสินค้าที่จะจำหน่ายให้ชาวมุสลิมจะต้องมีตราสัญลักษณ์ฮาลาล.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 9 ก.ค. 2557