ปรับบริษัทบุหรี่ 7.6 แสนล้าน

brid.siriwan · Post by **brid.siriwan** » 22 Jul 2014, 10:10

ปรับบริษัทบุหรี่ 7.6 แสนล้าน

วันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นรัฐฟลอริดา สหรัฐฯได้พิพากษาให้ บริษัท อาร์เจ เรย์โนลด์ โทแบคโค บริษัทผลิตบุหรี่ยักษ์ใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯผู้ผลิตบุหรี่ยี่ห้อคาเมล จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายจำนวน 23,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 767,000 ล้านบาท ให้แก่ นางซินเธีย โรบินสัน ภรรยา นายไมเคิล จอห์นสัน ที่ต้องเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่ในวัยเพียง 36 ปี เมื่อปี 2539

นอกจากนี้ ศาลฟลอริดา ยังพิพากษาให้ บริษัท อาร์เจ เรย์โนลด์ โทแบคโค จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ นางโรบินสัน อีก 16.8 ล้านดอลลาร์ฯ หรือ 546 ล้านบาทอีกด้วย

งานนี้ ศาลฟลอริดาตัดสินคดีดุมาก คงตั้งใจให้บริษัทบุหรี่เข็ดหลาบ เพราะมีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจน ธุรกิจบุหรี่เป็นธุรกิจที่ขายความตาย บริษัทบุหรี่ก็รู้อยู่เต็มอก จึงต้องลงโทษอย่างหนัก เพื่อชดเชยครอบครัวผู้ตาย ในเมืองไทยยังไม่มีใครคิดฟ้องบริษัทบุหรี่เหมือนสหรัฐฯ ผมอยากให้มีการฟ้องร้องเป็นตัวอย่าง จะได้ลดความเหิมเกริมของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่ไม่ยำเกรงกฎหมายไทยลงบ้าง

ต้นเดือนที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด ก็เพิ่งยกคำร้องบริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ ฟิลลิป มอร์ริส ที่ฟ้องให้ทุเลาการบังคับใช้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ การเพิ่มคำเตือนบนซองบุหรี่เป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ และขอให้ศาลยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นด้วย

คดีที่ ศาลสหรัฐฯ สั่งให้บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ อาร์เจ เรย์โนลด์ โทแบคโค ชดเชยค่าเสียหายให้ นางซินเทีย โรบินสัน รวม 767,546 ล้านบาท ฟ้องร้องมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อชดเชยต่อการเสียชีวิตของสามี จากการสูบบุหรี่ที่ผลิตโดย บริษัท อาร์เจ เรย์โนลด์ โดยระบุว่า บริษัท อาร์เจ เรย์โนลด์ เพิกเฉยต่อการแจ้งข้อมูลอันตรายจากการสูบบุหรี่แก่ผู้สูบ จนทำให้สามีของ นางโรบินสัน ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดและเสียชีวิต เนื่องจากเขากลายเป็นผู้ติดบุหรี่และพยายามจะเลิกสูบบุหรี่หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ

คดีนี้น่าจะเป็นคดีแรกๆที่ผู้เสียหายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทบุหรี่ แม้จะต้องสู้กันอีกนาน เพราะบริษัทบุหรี่อุทธรณ์ซื้อเวลาแน่นอน แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นฟลอริดา คงจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผู้เสียหายมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทบุหรี่มากขึ้น

แม้จะถูกฟ้อง แต่บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ก็ไม่สนใจ ต้นเดือนนี้เอง บริษัท เรย์โนลด์ อเมริกัน ในเครือ อาร์เจ เรย์โนลด์ เพิ่งจะเห็นชอบให้ซื้อบริษัท ผลิตบุหรี่อีกแห่ง คือ Lorillard ในวงเงิน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 8 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งจะทำให้ อาร์เจ และอันเทรีย กรุ๊ป ควบคุมตลาดบุหรี่ ในสหรัฐฯกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ธุรกิจบุหรี่ ไม่เพียง “ขายความตาย” แต่ยัง “ทำลายเศรษฐกิจ” ทั้งในส่วนของ “เศรษฐกิจครอบครัว” และ “เศรษฐกิจประเทศ” จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ปีที่แล้ว รัฐต้องจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่สูงถึง 52,200 ล้านบาท คิดเป็น 0.5% ของจีดีพี ประเทศ นี่ยังไม่นับค่าความเสียหายของครอบครัวที่ต้องสูญเสียจากการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัวที่สูบบุหรี่ ยิ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวยิ่งเสียหายหนักกว่านี้

วันนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผมอยากเสนอให้ จัดระเบียบการซื้อขายบุหรี่ และ จัดระเบียบการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ให้เข้มงวดมากกว่านี้ โดยเฉพาะ “เจ้าหน้าที่รัฐ” มักจะเป็นผู้ละเมิดทำผิดเสียเอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมจับกุมผู้ทำผิดมาลงโทษ ทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมายห้ามสูบบุหรี่

ล่าสุด ประเทศจีน ที่มีประชากรสูบบุหรี่มากที่สุดในโลก ก็กำลังจะออก กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ ซึ่งมีความ เข้มข้นกว่ากฎหมายไทย เพราะกฎหมายห้ามสูบบุหรี่จีนจะมี Buffer Zone หรือ เขตกันชน เช่น ผู้สูบบุหรี่นอกอาคาร จะต้องออกไปสูบห่างจากตัวอาคารหรือประตูอาคาร 15 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ควันบุหรี่ลอยเข้าไปในตัวอาคาร

ช่วง 15 เมตรนี้ คือ Buffer Zone หรือ เขตกันชนจากควันบุหรี่ เพราะ ควันบุหรี่ หรือ บุหรี่มือสอง มีพิษร้ายแรงไม่แพ้การสูบบุหรี่โดยตรง ดูจากกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ของจีนแล้ว กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ไทยล้าหลังไปหลายก้าวเลยทีเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 22 ก.ค 2557