หนุนจัดหนักเก็บภาษีเพิ่มรายได้
เวทีสัมมนา สศค.ประสานเสียง ส่งเสริม คสช.ใช้อำนาจพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (6 ส.ค.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้จัดสัมมนาหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย : ความท้าทาย การปฏิรูป และความยั่งยืน” ที่โรงแรมดุสิตธานี โดยนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ต้องการจากภาครัฐ คือความชัดเจนในเรื่องกฎหมายและเอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจให้ราบรื่น “หากต้องการปฏิรูปต้องมีประเด็นที่ชัดเจนว่าจะทำอะไร อย่าเป็นแฟชั่น เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้น ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม สิ่งที่เอกชนต้องการคือการบริการ เรื่องของภาษี กฎหมายต้องมีความชัดเจนและสิ่งที่สำคัญคือเรื่องของการศึกษา”
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า มุมมองต่อคนมีอำนาจในเวลานี้ มีคนวิ่งเข้าหา 24 ชั่วโมง แต่เวลาทำงานมีจำกัด ที่จะเนรมิตประเทศเพียง 1 ปี ก็ต้องเลือกสิ่งที่สำคัญ โดยปีนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2% ถ้าโครงการสามารถดำเนินได้ตามปกติ ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ควรเป็นบุคคลที่เข้ามาแล้วสามารถบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ได้ก็พอ
นายกิตติพงษ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรมีมาตรามากเกินไป มีประมาณ 50 มาตราก็น่าจะพอ เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยควรใช้โอกาสนี้เสนอร่างกฎหมายสำคัญ เช่น ปฏิรูปกฎหมายในเรื่องของภาษี เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้เพิ่มขึ้น เพราะหากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเมืองจะไม่ยอมพิจารณา เพราะจะกระทบต่อฐานเสียงอย่างแน่นอน จึงไม่มีรัฐบาลใดยอมออกกฎหมายภาษี และเมื่อออกกฎหมายมาบังคับใช้แล้ว ไม่ควรเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจมากเกินไป เพราะจะเกิดปัญหาตามมา
ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ควรใช้โอกาสนี้ออกกฎหมายดีๆมาบังคับใช้ โดยเฉพาะกฎหมายทางภาษี เนื่องจากปัจจุบัน การจัดเก็บรายได้ภาษีมีเพียง 17% ของจีดีพี จึงควรหาทางจัดเก็บให้เพิ่มขึ้น เพราะรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล 21% มาจาก 5 บริษัทขนาดใหญ่ จึงควรขยายไปยังรายอื่นเพิ่มเติม รวมไปถึงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ยังจัดเก็บน้อยมาก เพราะยังมีคนที่ทำอาชีพอิสระ ทำงานนอกระบบ แต่มีรายได้ประจำเป็นจำนวนมากไม่เสียภาษี อีกด้านหนึ่ง
คือ เมื่อรัฐบาลได้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% จึงควรปรับลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือบีโอไอ ให้สอดคล้องกับภาษีที่ลดลง การลดการให้บีโอไอลง 50% จากที่เคยให้ประมาณ 300,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังควรเดินหน้าจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะเป็นการจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม ในส่วนของรัฐวิสาหกิจมองว่ายังมีศักยภาพในการนำส่งเงินเข้าคลังให้ได้มากกว่า 100,000 ล้านบาท ที่สำคัญควรมีการออกกฎหมายภาคการคลัง โดยกำหนดไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลให้มีความโปร่งใสในการป้องกันการใช้ธนาคารของรัฐเป็นเครื่องมือหาเสียง เพื่อให้ดำเนินนโยบายให้เป็นไปตามกรอบความยั่งยืนทางการคลังโดยกำหนดกรอบเพดานหนี้สาธารณะไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน.
ทีมา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 7 ส.ค. 2557
- Board index การใช้งานบอร์ด และข่าวสาร ERP ไทย / PlanetOne ERP / งานบัญชี / Linux แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
หนุนจัดหนักเก็บภาษีเพิ่มรายได้
-
- Posts: 3942
- Joined: 05 Apr 2013, 08:47
Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”
Jump to
- การใช้งานบอร์ด และข่าวสาร ERP ไทย / PlanetOne ERP / งานบัญชี / Linux
- ↳ กฏการใช้บอร์ด
- ↳ แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
- คำถาม คำตอบเกี่ยวกับระบบ ไทย ERP: AdvanceBusinessSystem - PlanetOne และ ERP ระบบบัญชี
- ↳ ข้อมูลหลัก (Master Data)
- ↳ ระบบสินค้าคงคลัง (Inventory)
- ↳ ระบบบัญชีเจ้าหนี้ (Account Payable)
- ↳ ระบบบัญชีลูกหนี้ (Account Receivable)
- ↳ ระบบขาย (Sales System)
- ↳ ระบบจัดซื้อ (Purchasing System)
- ↳ ระบบบัญชีทั่วไป (General Ledger and Financial Statement)
- ↳ ระบบผลิตและวางแผนการผลิต (Manufacturing / Shop Floor Control / Production Planning)
- ↳ ระบบบริหารงานบุคคล (Human Resource Management / HRM)
- ↳ ระบบบริหารสินทรัพย์ (Assets Management)
- ↳ ระบบลูกค้าสัมพันธ์ และบริการ (CRM / Service Center / Call Center)
- ↳ ระบบต้นทุนสินค้า (Product / Job Costing)
- ↳ หัวข้อทั่วไป
- การติดตั้ง ใช้งาน Linux, OSX และ OpenSource Softwares
- ↳ การใช้งาน PostgreSQL
- ↳ การใช้งาน Java และ JVM
- ↳ การใช้งาน Dart
- ↳ การใช้งาน Linux
- ↳ การใช้งาน Mac และ OSX
- AdvanceBusinessSystem Developer Forum
- ↳ Java Programming Techinics
- ↳ ABS Developer Exchange
- ↳ การ admin ระบบ