9 วิธีรับมือความเครียดด้วยตัวคุณเอง

[brid.siriwan]

9 วิธีรับมือความเครียดด้วยตัวคุณเอง


บั่นทอนทั้งสุขภาพกายและใจสำหรับภาวะความเครียดที่หลายๆ ท่านกำลังเผชิญส่วนมีปัจจัยจากอะไรนั้นคงต้องมาหาสาเหตุกัน และสำหรับมนุษย์ออฟฟิศแล้วมีหลายแหล่งเป็นที่มาของความเครียด ตั้งแต่สภาวะทางการเงิน การเดินทาง เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และเนื้อหางาน ซึ่งเช้าวันจันทร์แบบนี้ mars มีวิธีง่ายๆ เพื่อให้คุณสลัดความเหนื่อยล้าทางสมองนี้ไป

1. พักสายตา เรียกว่าเอาสมาธิเข้าช่วยสร้างสมดุลทางอารมณ์ ลองหาเวลาช่วงพักสัก 10 -15 นาที นั่งท่าสบายตามความถนัดสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ให้รู้สึกว่ามีอากาศเต็มปอด
2. เปลี่ยนอิริยาบถ ลุกจากโต๊ะทำงานบ้างให้ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสาย ลองมองหาพื้นที่สีเขียวอย่างสวน หรือต้นไม้ใหญ่ให้สายตาปรับสู่สภาวะปกติหลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มานาน
3. กลิ่นหอมบำบัดอารมณ์ ปรับสภาพความรู้สึกอึดอัดสมองไม่แล่นให้กลับมาสดชื่นด้วยกลิ่นหอมโชยเบาๆ จากดอกไม้อย่าง มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือกลิ่นเย้ายวนจากเครื่องดื่มประเภทโกโก้ และช็อกโกแลตก็สามารถช่วยได้
4. ฟังเพลงโปรด ในที่นี้หมายถึงเพลงเบาๆ ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรง อาจลองหาซาวด์เสียงธรรมชาติอย่างน้ำตก ทะเล นกในป่า เรียกว่าเมื่อไม่อาจเข้าถึงธรรมชาติก็ให้ธรรมชาติมาหาเราผ่านเสียงที่คุณอาจจินตนาการว่ากำลังอยู่ ณ ที่แห่งนั้นไปด้วยก็ได้
5.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงาน การมีมนุษย์สัมพันธ์กับคนรอบข้างช่วยด้วยมากในกรณีต้องการใครสักคนเพื่อปรับทุกข์หรือบอกเล่าความเครียด ณ เวลานั้น อีกทั้งรอยยิ้มที่จริงใจจากเพื่อนร่วมงาน (โดยเฉพาะเพศตรงข้าม) นับเป็นหนึ่งในยาขนานเอกทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย
6. หัวเราะกันบ้างเจ้านายคงไม่ว่า ต่อยอดจากการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงาน การได้หยอกล้อหรือคุยเรื่องสนุกสนานให้ได้หัวเราะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดฟิน (Endorphine) เคมีแห่งความสุขบำบัดความเครียดซึ่งเจ้าสารตัวเดียวกันนี้เองเกิดขึ้นได้ในขณะถึงจุด Orgasm หรือถึงจุดสุดยอดขณะร่วมเพศเช่นกัน
7. รู้จักตัวเองเพื่อกำหนดอารมณ์ หากรู้ว่าบุคลิกภาพของตนขณะเข้าสังคมเป็นแบบใดคุณจะสามารถปรับตัวได้ดีในยามที่มีเหตุให้เครียดจากคู่สนทนา บางครั้งพบว่าการสนทนาส่อเค้าไปในทิศทางปะทะคารมสาเหตุจากความคิดต่างกัน ลองหยุดความคิดตัวเองไว้ชั่วครู่นับหนึ่งถึงสิบ ค่อยๆ ฟังเหตุผลจากอีกฝ่ายบางครั้งตัวคุณเองนั่นแหละที่กำลังมองความคิดตนถูกต้องที่สุดจนเกินไป นิ่งฟังให้จบแล้วค่อยๆ อธิบายด้วยเหตุผล แต่ถ้ายังไม่สามารถคลี่คลายคงต้องหาทางหลบออกมาจากจุดวิกฤตินั้นอย่างน้อยก็เพื่อป้องกันตัวคุณจากสภาวะใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
8. วางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ แน่นอนว่าแผนงานมีเส้นทางเดินชัดเจนช่วยให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพ พร้อมการรับมือปัญหาแฝงหรืออุปสรรคไม่คาดคิดจะยิ่งง่ายขึ้นเนื่องจากคุณมองเห็นภาพรวมการทำงานตั้งแต่ต้น

9. กาแฟตัวการความเครียด ลองสังเกตกันดูว่าขณะมีความเครียดหัวใจจะเต้นแรง หลายท่านมีความเชื่อว่าการดื่มกาแฟช่วยให้สมองตื่นตัวซึ่งไม่ผิดนัก แต่ผลข้างเคียงของเครื่องดื่มนี้คือทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิม เมื่อตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อความเครียดหัวใจจะยิ่งทำงานหนักส่งผลต่อร่างกายในระบบทางเดินหายใจ รู้สึกหัวใจสั่น มีจังหวะหายใจเร็วขึ้น สายตาพร่าจนอาจรู้สึกเบลอ
วิธีรับมือความเครียดข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกลยุทธ์อีกมากมาย แต่ทั้งหมดจะไม่สัมฤทธิ์ผลหากไม่เริ่มต้นจากการคิดบวก เพื่อสร้างทัศนคติเชิงสร้างสรรค์มองโลกให้มีความสุข ไม่ใช่เรื่องดีแน่หากจับเอาทุกสิ่งรอบตัวมาเป็นปัญหา เรื่องไหนแก้ได้ก็ค่อยๆ ทำไป แต่ถ้าแก้ไม่ได้ลองปล่อยวางเสียบ้างเพราะแบกไว้ก็หนักเปล่าๆ

ที่มา Marsmag
วันที่ 13 ตุลาคม 2557