หม่อยอุ๋ย เชื่อจีดีพีปี 58 โตตามเป้า 4%

Post Reply
brid.siriwan
Posts: 3942
Joined: 05 Apr 2013, 08:47

หม่อยอุ๋ย เชื่อจีดีพีปี 58 โตตามเป้า 4%

Post by brid.siriwan »

หม่อยอุ๋ย เชื่อจีดีพีปี 58 โตตามเป้า 4%

หม่อยอุ๋ย มั่นใจจีดีพีปี 58 โตตามเป้า 4% หลังปี 57 ขยายตัวน้อย หลังแผนใช้งบประมาณชะงักงัน เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย ปี 2558 ฟื้นหรือฟุบ” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยและคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 58 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ไม่น้อยกว่า 4% เนื่องจากในปี 57 เศรษฐกิจไทยมีฐานการขยายตัวที่ต่ำจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ชะงักมาตั้งแต่เดือน พ.ย. 56 จนถึงเดือน พ.ค.57 รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกได้

ทั้งนี้แม้รัฐบาลจะมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่พบว่าหลักจากการประกาศมาตรการแล้วยังไม่เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวดเร็วอย่างที่คิดไว้เหมือนกับกดปุ่มแล้วงานไม่เดิน ซึ่งเป็นผลมาจากเม็ดเงินงบประมาณในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 58 วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท มีการขออนุมัติเบิกจ่ายล่าช้าเนื่องจากหน่วยงานราชการบางส่วนยังไม่ทำเรื่องการมีการขยายระยะเวลาในการเสนอโครงการและการจัดซื้อจัดจ้างไม่แล้วเสร็จทั้งนี้เพิ่งมีการเซ็นต์อนุมัติโครงการต่างๆในงบประมาณส่วนนี้ไปเพียง 1.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ ขณะที่งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 2.3 หมื่นล้านบาทที่ต้องการให้เกิดการจ้างงานในชนบทโดยการซ่อมแซมสถานศึกษาและสถานที่ราชการมีงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทที่เป็นงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งที่รัฐบาลจะต้องทำเรื่องแจ้งให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบก่อนถึงจะเบิกจ่ายได้ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์และเงินส่วนนี้จะสามารถลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้

“การเบิกจ่ายงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจยอมรับว่ามีความล่าช้าเนื่องจากมีขั้นตอนทางราชการอยู่ แต่เป็นการล่าช้าที่ไม่เสียเปล่าและจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะงบไทยเข้มแข็งเมื่อผ่าน สนช.เงินก็จะลงสู่พื้นที่ในช่วงเดือน ธ.ค.ซึ่งชาวนาเกี่ยวข้าวเสร็จพอดีก็จะเป็นการจ้างงานต่อเนื่องหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวทำให้ชนบทมีกำลังซื้อ ขณะที่งบลงทุนในไตรมาสที่ 1 ที่ล่าช้าก็จะไปเบิกจ่ายได้เต็มที่ในช่วงเดือน ม.ค.ปีหน้าซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปี 2558 และจะช่วยดันเศรษฐกิจในปีหน้าให้ขยายตัวเกิน 4% เนื่องจากการลงทุนภาครัฐในปีหน้าจะเป็นตัวนำเศรษฐกิจได้เต็มที่ซึ่งผมและรัฐมนตรีฯคลังก็เร่งรัดทุกส่วนเท่าที่จะทำได้”

สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปหากสามารถขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐได้ตามแผนแล้วรัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้การอัดฉีดเม็ดเงินลงไปอีกแต่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระทำและการมีแผนในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆให้มีความชัดเจน ทั้งนี้ได้มีการหารือกับกระทรวงคมนาคมว่าในปี 2558 จะมีการเร่งรัดการประมูลโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพ – ปริมณฑล โดยจะมีการเปิดให้เอกชนประมูลเป็นผู้เดินรถใน 8 เส้นทาง ซึ่งแบ่งกันอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะลงทุนในระบบราง ต่าเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนระบบเดินรถและสถานีต่างๆ ซึ่งเป็นการแบ่งบทบาทอย่างชัดเจนเพราะที่ผ่านมาพบว่าหากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเดินรถเองมักมีปัญหาในการให้บริการ เช่น โครงการของแอร์พอร์ตลิ้ง และรถเมล์ ของบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (ขสมก.)

ทั้งนี้ในสัญญาการเดินรถไฟฟ้าที่เอกชนจะมีการประมูลจะมีการกำหนดเงื่อนไขการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารของเอกชนว่าจะใช้ระบบคำนวนค่าโดยสารจากจำนวนผู้โดยสาร ไม่ใช่การปรับขึ้นค่าโดยสารตามระยะเวลาการให้บริการเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการปรับขึ้นค่าโดยสารเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเหมือนกับระบบค่าทางด่วนในปัจจุบันที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งที่มีจำนวนรถใช้ทางด่วนเพิ่มขึ้น

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวต่อว่า ในระยะต่อไปจะต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขจุดอ่านทางเศรษฐกิจของไทยได้แก่ ปัญหาการใช้พลังงานและน้ำมันอย่างฟุ่มเฟือย โดยขณะนี้ประเทศไทยใช้พลังงานสูงถึง 18% ของจีดีพี ซึ่งการส่งเสริมการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพต้องทำโดยการลดอุดหนุนราคาพลังงานและปรับโครงสร้างราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น การเพิ่มการจัดเก็บภาษีเพื่อเพิ่มงบประมาณในการลงทุนของภาครัฐที่ปัจจุบันมีอยู่จำกัดเพียงปีละ 4 แสนล้านบาทเท่านั้น โดยนอกจากรัฐบาลจะเดินหน้าในการเก็บภาษีจากทรัพย์สินได้แก่ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ในระยะต่อไปจะมีการเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับผู้บริโภค รวมทั้งการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเรื่องสำคัญที่สุดคือการผลักดันให้มีคณะกรรมการระดับชาติ

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2557
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”