ฝรั่งเขียนหนังสือแฉ “ไทย” จุดหมายท่องเที่ยวอันตรายสุดในโลก ด

Post Reply
brid.siriwan
Posts: 3942
Joined: 05 Apr 2013, 08:47

ฝรั่งเขียนหนังสือแฉ “ไทย” จุดหมายท่องเที่ยวอันตรายสุดในโลก ด

Post by brid.siriwan »

ฝรั่งเขียนหนังสือแฉ “ไทย” จุดหมายท่องเที่ยวอันตรายสุดในโลก ดินแดนอาชญากรรม-ตำรวจฉ้อฉล
เดลิเมล์ - หนังสือใหม่ตราหน้า “ประเทศไทย” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอันตรายที่สุดของโลก โดย นายจอห์น สเตเพิลตัน นักเขียนชาวออสเตรเลีย ชี้ปัญหาต่างๆทั้งตำรวจฉ้อฉล ความรุนแรงและอาชญากรรม ทำให้ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่ “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” อย่างที่เคยร่ำลืออีกแล้ว

ในหนังสือ “Thailand: Deadly Destination” นายสเตเพิลตัน พยายามเปิดโปงชื่อเสียของไทยที่ครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่า “ประเทศแห่งการต้อนรับขับสู้” ทว่าความเฟื่องฟูด้านการท่องเที่ยวได้ก่อความรู้สึกเกลียดชังชาวต่างชาติและเพิกเฉยต่อเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยว สวนทางกับภาพลักษณ์หาดทรายสีขาว ความเป็นชนบทที่งดงามและชีวิตกลางคืนเพลิดเพลิน ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนในแต่ละปี

“ชื่อเสียงด้านการต้อนรับนักท่องเที่ยวของไทย แดนสุขาวดีบนโลก ในฐานะดินแดนแห่งต้นปาล์ม ชายหาดอาบแดดแสนสวย บาร์แห่งความสำราญ โรงแรมระดับโลก ผู้คนเป็นมิตรและอบอุ่น แต่ความเป็นจริงที่นักท่องเที่ยวหลายคนได้เผชิญ มันแตกต่างออกไปโดยไปโดยสิ้นเชิง”

นายสเตเพิลตัน ระบุในหนังสือที่มีกำหนดเปิดตัวในสัปดาห์หน้า ว่า “การเติบโตอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวไทยเป็นผลจากการโฆษณา สร้างภาพลักษณ์และสร้างความรู้สึกในหมู่ชาวตะวันตก ว่า คนไทยอ้าแขนรับคนแปลกหน้า แต่ในความจริงแล้ว บ่อยครั้งความสัมพันธ์ระหว่างไทยและชาวต่างชาติยุ่งยาก มีความไม่ลงรอยกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากความรู้สึกแปลกๆ เปลี่ยนเป็นความรังเกียจเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น”

“ในขณะที่นักท่องเที่ยวมากมาย จากประเทศแห่งนี้ไปพร้อมกับความสุข แต่ก็มีนักเดินทางในจำนวนพอๆ กันจากยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย และตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็๋นระยะสั้นและผู้ที่พำนักระยะยาว เดินทางกลับประเทศไปพร้อมกับความยากแค้น เจ็บปวด หวาดกลัวและไม่อยากกลับมาอีก ชีวิตในไทยมีราคาถูก และบ่อยครั้งไม่มีความโศกเศร้าต่อการเสียชีวิตของชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งลงบันทึก ตอนที่นักท่องเที่ยวกำลังเข้ามา แทบไม่มีคำเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่แท้จริงในประเทศแห่งนี้เลย” นายสเตเพิลตัน กล่าว

นายสเตเพิลตัน เคยทำงานในฐานะผู้สื่อข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ จากปี 1986 - 1994 และหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ระหว่างปี 1994 - 2009 และเคยมาเยี่ยมเยียนเมืองไทยแล้วหลายครั้ง ทว่าหลังจากถูกปล้นจี้และทำร้ายร่างกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็เริ่มตรวจสอบรายงานข่าวต่างๆ ด้านสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยว ที่เขาให้คำจำกัดความว่าน่าอดสูยิ่ง โดยชี้ว่าตำรวจไทยแทบไม่สนใจให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติที่เข้าแจ้งความในคดีต่างๆ เลย

เนื้อหาในหนังสือระบุต่อว่าทัศนคติเมินเฉยต่อสวัสดิภาพคนแปลกหน้าที่ฝังแน่นในจิตใต้สำนึกของคนไทยนี้ สามารถอธิบายได้อย่างดีผ่านทางคำเตือนอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ที่แนะนำนักท่องเที่ยวว่าไม่ควรเสี่ยงเข้าไปยังบาร์และผับต่างๆในไทยยามค่ำคืน

“มันเป็นขั้นตอนดำเนินการมาตรฐานในไทยที่บาร์และผับต่างๆ ต้องจ่ายสินบนแก่ตำรวจท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่เทศบาลเพื่อสามารถเปิดบริการได้ ถ้าบาร์ ผับ หรือร้านต่างๆ ไม่จ่ายเงิน ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะถูกสั่งปิด ตำรวจไม่ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยวที่แจ้งความร้องทุกข์ ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ พวกเขารับเงินจากเจ้าของผับบาร์ และไม่ต้องพูดถึงคดีเล็กๆน้อยๆอย่างจี้ปล้นนักท่องเที่ยว ที่ถูกเพิกเฉยโดยไม่ไยดี”

พอพูดถึงอาชญากรรมที่กำลังระบาดหนักที่ไทย นายสเตเพิลตัน ระบุต่อว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย ไม่เคยได้รับคำเตือนจากบริษัททัวร์ สายการบินต่างๆ หรือแม้แต่รัฐบาลของตนเองเลยว่าพาสปอร์ตของพวกเขามีมูลค่าสูงมากในตลาดมืด

“ขึ้นอยู่กับสัญชาติ พาสปอร์ตฉบับหนึ่งสามารถทำเงินได้หลายพันดอลลาร์ในตลาดมืด ที่นั่นมีแก๊งขโมยพาสปอร์ตตามคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และ แคนาดา ที่มีราคาสูง มีการตั้งร้านเช่าบริการรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เจ็ตสกี และอื่นๆ โดยให้เอาพาสปอร์ตค้ำประกัน แต่พอตอนลูกค้ามาขอคืนพาสปอร์ต คำตอบที่ได้รับคือมันหายไปแล้ว”

นายสเตเพิลตัน ระบุต่อว่า การจี้ปล้นแบบรายวัน ทุบตีทำร้ายร่างกาย คนติดยา ขูดรีด และฆาตกรรมนักท่องเที่ยวในแผ่นดินไทย ประกอบกับเรื่องอื้อฉาวต่างๆ นานา ที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และความเจ้าเลห์ของคน บ่อยถูกคาดเดาว่ามันจะเป็นบ่อนทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของไทยเสียเอง

นักเขียนรายนี้ยังอ้างอีกว่า สำหรับคนที่รู้จักประเทศไทยดี จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยต่อคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ฮันนาห์ วิเทอริจด์ วัย 23 ปี และ เดวิด มิลเลอร์ 24 ปี บนเกาะเต่าเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “เหตุฆาตกรรมอันโหดเหี้ยม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นสิ่งที่เหล่าผู้สังเกตการณ์ไทยมาเป็นเวลานาน ทราบกันดีอยู่แล้ว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีการบริหารจัดการที่ย่ำแย่ และสามารถโต้แย้งได้ว่า ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอันตรายที่สุดบนโลกไปแล้ว”

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”