ขยายเวลาการลดอัตรา ภาษีเงินได้ (2)

[brid.siriwan]

ขยายเวลาการลดอัตรา ภาษีเงินได้ (2)

ตามที่ได้ทราบกันโดยทั่วไปว่ารัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 576) พ.ศ. 2557

ตามที่ได้ทราบกันโดยทั่วไปว่ารัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 576) พ.ศ. 2557 เพื่อลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้สุทธิที่ได้รับในปีภาษี 2558 ต่อเนื่องจากการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้เคยลดให้อยู่ก่อนแล้วในสองปีภาษีก่อนหน้านี้คือ สำหรับปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557 ในอันที่จะบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบันดังต่อไปนี้

ขั้นที่ 1 เงินได้สุทธิไม่เกินสามแสนบาทให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 5

ขั้นที่ 2 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสามแสนบาทแต่ไม่เกินห้าแสนบาทให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 10

ขั้นที่ 3 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินห้าแสนบาทแต่ไม่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท ให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 15

ขั้นที่ 4 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทแต่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 20

ขั้นที่ 5 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาทแต่ไม่เกินสองล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 25

ขั้นที่ 6 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสองล้านบาทแต่ไม่เกินสี่ล้านบาทให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 30

ขั้นที่ 7 เงินได้สุทธิส่วนที่เกินสี่ล้านบาทให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 35

อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินได้สุทธิในส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท นั้น ยังคงมีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังเช่นที่เคยเป็นอยู่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 470) พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้สุทธิจากการคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา 48 (1) แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น

ดังนั้น ในกรณีดังต่อไปนี้ให้ใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้าดังกล่าวตั้งแต่เงินได้ 1 บาทแรก โดยไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้

1. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามมาตรา 48 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

2. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายสำหรับค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือผลได้จากทุนที่มิใช่ดอกเบี้ยและเงินปัน ผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร

3. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่มีการจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรม ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข ตามมาตรา 48 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 (4) แห่งประมวลรัษฎากร และ

4. การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าแสดงของนักแสดงสาธารณะที่มิได้มีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามมาตรา 3 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557