เอกชนอัดนโยบายสินค้าถูก วิจารณ์ยับทุกรัฐบาลชอบทำแต่แก้ไม่ตรง

[brid.siriwan]

เอกชนอัดนโยบายสินค้าถูก วิจารณ์ยับทุกรัฐบาลชอบทำแต่แก้ไม่ตรงจุด

เอกชนวิพากษ์นโยบายรัฐแจกคูปองให้คนจนซื้อสินค้าควรเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น แต่ระยะกลางและยาวต้องวางรากฐานเศรษฐกิจให้ดี ชี้เวทีขายสินค้าราคาถูกคงเป็นสินค้าที่ล้นสต๊อกอยู่ แต่จะให้ลดราคาภาพรวมคงยาก จับตาผลิตภัณฑ์นมขึ้นราคายกแผงในอีก 1-2 เดือนนี้

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์คูปองหรือการ์ด เพื่อนำไปซื้อสินค้าลดราคา และการเปิดพื้นที่หน่วยงานราชการให้เอกชนนำสินค้าราคาถูกไปจำหน่าย ส.อ.ท.เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ในการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นๆ ช่วงสิ้นปีนี้ เนื่องจากขณะนี้กำลังซื้อของคนไทยชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมการผลิต ส่วนหนึ่งก็มีสต๊อกสินค้าเหลือจำนวนมาก ก็จะสามารถระบายสต๊อกสินค้าดังกล่าวได้โดยนำมาจำหน่ายในราคาถูกจากโครงการนี้ ดีกว่าปล่อยให้ล้นโกดัง แต่ถ้าบอกให้ลดราคาครอบคลุมทุกประเภทสินค้า ก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาด“คูปองที่จะมีการแจกให้ประชาชนนำมาซื้อของลดราคา ภาคเอกชนยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร หรือเป็นงบประมาณจากรัฐจำนวนมากน้อยหรือไม่ แต่ถ้าหากดำเนินการได้ก็คงเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นกำลังซื้อทั่วประเทศ”

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตผู้บริหารเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า มาตรการคูปองดังกล่าวเป็นการให้กำลังใจคนมีรายได้น้อยหรือคนยากจนว่ารัฐบาลจะมาดูแลแก้ปัญหาขาดกำลังซื้อในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลควรวางรากฐานทางเศรษฐกิจให้เหมาะสม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปี 2558 ยังมีความเปราะบางจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร การพึ่งพิงการส่งออกอาจไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องหันมากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องดูในเรื่องของราคาสินค้าเกษตรให้เกิดการพัฒนาและมีราคาที่ยั่งยืน เพราะเกี่ยวข้องกับรายได้ของคนต่างจังหวัดจำนวนมาก

“ขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ก็ทำโปรโมชั่นลดสินค้าลงอยู่แล้ว ไม่มีใครขึ้นเพราะกำลังซื้อคนไทยลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการส่งออกในภาพรวมก็ชะลอตัวลงถ้ารัฐบาลขอร้องมาให้ช่วยลดราคาสินค้า ภาคเอกชนก็พร้อมร่วมมือเพราะบางรายไม่มีโกดังเพื่อเก็บสำรองสินค้าแล้ว”

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส ส.อ.ท. กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการแก้ไขปัญหาแรงซื้อถดถอยด้วยการขายสินค้าราคาถูกทำกันมาทุกรัฐบาล ซึ่งเป็นการแก้ไขไม่ถูกจุด ควรให้เป็นกลไกตลาดเพราะเวลานี้เอกชนไม่มีการขึ้นราคาสินค้าเลยแม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น เพราะกำลังซื้อคนไทยลดต่ำลง โดยเฉพาะจากภาคเกษตรกรเพราะรายได้ลดตามราคาพืชผลที่ลดต่ำ ดังนั้นปี 2558 รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบขึ้นกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท จากเดิม กก.ละ 18 บาท เป็น กก.ละ 19 บาทให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ผู้ประกอบการนมเพื่อขายในเชิงพาณิชย์ปรับราคาขายผลิตภัณฑ์นมได้นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขอปรับขึ้นราคาเข้ามา เพราะสต๊อกเก่ายังมีอยู่ ทำให้ยังสามารถจำหน่ายในราคาเดิมได้ต่อไป ด้านนายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีก-ส่งไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นอีก กก.ละ 1 บาท ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตสูงขึ้น เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมจะปรับขึ้นราคาขายแน่นอน ส่วนแนวโน้มการค้าปลีกในช่วง 1-2 เดือนนับจากนี้ คาดว่าจะดีขึ้น เพราะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และยังมีนโยบายของรัฐบาลที่จะลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้ภาคการค้าปลีกทรงตัว จากที่ผ่านมาส่วนใหญ่มียอดขายติดลบ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่ 28 พ.ย.นี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้นัดหารือร่วมกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ประมาณ 30 ราย จัดทำแพ็กเกจลดราคาขายสินค้าพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยจะขอให้ผู้ผลิต (ซัพพลายเออร์) ปรับลดราคาสินค้าลงมา และขอให้ห้างปรับลดราคาลงด้วย ทั้งนี้ ผู้ผลิตสินค้าต้องการให้กระทรวงพาณิชย์เจรจาให้ห้างค้าปลีกปรับลดค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ผลิตสินค้าลงด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถลดราคาขายลงได้มากตามนโยบายของรัฐบาล เพราะทุกวันนี้อัตราส่วนกำไรไม่ได้มากมาย เพราะห้างเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ สูงขึ้นกว่าเดิม

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม จะจัดกิจกรรมขายสินค้าเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนเป็นของขวัญปีใหม่ โดยร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ จัดงานขายสินค้าที่เน้นภูมิปัญญาท้องถิ่น สินค้าชื่อดังของจังหวัดต่างๆ รวม 6 งาน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557-ม.ค.2558 โดยจะจัดที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง และที่เชียงใหม่ ลำปาง พิษณุโลก นครราชสีมา.


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 พ.ย. 2557