ราคาน้ำมันขายปลีก ควรลดลงได้อีก

[brid.ladawan]

?ราคาน้ำมันขายปลีก ควรลดลงได้อีก?
ผมได้ตรวจสอบราคาน้ำมันดิบชนิดดูไบ (Dubai) และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงที่สุดเปรียบเทียบกับราคาในปัจจุบันพบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงประมาณ 40$/bbl. หรือประมาณ 8.30 บาท/ลิตร


ราคาน้ำมันขายปลีก ควรลดลงได้อีก - พลังงานรอบทิศ

ช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบมากกว่า ห้าปีทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ ซึ่งเราใช้อ้างอิงอยู่ลดลงตามไปด้วยส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในบ้านเราปรับลด ลงค่อนข้างมากแต่ก็ยังมีผู้สงสัยว่าน่าจะลดลงไม่สัมพันธ์กับราคาน้ำมันในตลาดโลกหรือเปล่า

การจะตรวจสอบเรื่องนี้คงต้องดูกันเป็นระยะยาวจะดูกันสั้น ๆ เพียงแค่สัปดาห์เดียวหรือสองสัปดาห์คงไม่ได้และต้องดูโครงสร้างราคาทั้งระบบด้วยว่ามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาอย่างเช่น ภาษีสรรพสามิตและเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน หรือเปล่า

ผมได้ตรวจสอบราคาน้ำมันดิบชนิดดูไบ (Dubai) และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงที่สุดเปรียบเทียบกับราคาในปัจจุบันพบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงประมาณ 40$/bbl. หรือประมาณ 8.30 บาท/ลิตร

ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่สิงคโปร์ลดลงประมาณ 45$/bbl. ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลลดลงประมาณ 35$/bbl. หรือประมาณ 9.30 และ 7.25 บาท/ลิตรตามลำดับ

คราวนี้มาดูราคาน้ำมันในประเทศไทยก่อนอื่นเราไปดูราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นกันก่อนจากการตรวจสอบจากเว็บไซต์ ของ สนง.นโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงานพบว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลดลงสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ที่โรงกลั่นใช้อ้างอิงอยู่

โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 หน้าโรงกลั่นลดลง 9.50 บาท/ลิตรในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลลดลง 6.70 บาท/ลิตร (ดีเซลลดลงน้อยกว่าราคาสิงคโปร์เพราะของเรามีการผสมไบโอดีเซลบี 100 ที่มีราคาแพงและมีค่าปรับปรุงคุณภาพเนื่องจากสเปกน้ำมันไม่เหมือนกัน)

แต่พอมาดูราคาขายปลีกก็พบว่าราคาขายปลีกลดลงไม่สัมพันธ์กับราคาหน้าโรงกลั่นโดยราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 8.50 บาท/ลิตร และราคาน้ำมันดีเซลลดลงเพียง 1.50 บาท/ลิตร

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ตรวจสอบลึกลงไปอีกก็จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุน น้ำมันฯ โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นโดยเบนซิน 95 เก็บเพิ่มขึ้น 0.15 บาท/ลิตร และดีเซลเก็บเพิ่มขึ้น 4.80 บาท/ลิตร

นอกจากนั้นในส่วนของดีเซลยังมีการเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 0.75 บาท/ลิตร จึงเท่ากับมีการเก็บเงินเพิ่มจากน้ำมันดีเซล 5.55 บาท/ลิตร เมื่อรวมกับที่ลดราคาหน้าปั๊มให้ประชาชนอีก 1.50 บาท/ลิตร จึงเท่ากับ 7.05 บาท/ลิตร ซึ่งมากกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ลดลง 6.70 บาท/ลิตร

ดังนั้นส่วนที่เป็นปัญหาว่ายังลดน้อยกว่าที่ควรจะเป็นก็คือน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ครับประกอบกับ กบง.ได้มีการประกาศขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีไปจนถึงระดับราคาที่ไม่ต้องมีการอุดหนุนและกองทุนน้ำมันฯ ก็เป็นบวกถึงระดับ 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว

ผมจึงขอเสนอให้กระทรวงพลังงานปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลงลิตรละ 2-3 บาท โดยเร็วเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการใช้จ่ายมากขึ้นอีกด้วย

อย่ารอช้าอีกเลยครับท่าน รมว.พลัง งานตีเหล็กต้องตีตอนกำลังร้อน ๆ ครับ!!!


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 11ธันวาคม 2557