กรมธนารักษ์-กรมที่ดินร่วมใช้ข้อมูลประเมินราคาอสังหาริมทรัพย

[brid.ladawan]

?กรมธนารักษ์-กรมที่ดินร่วมใช้ข้อมูลประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์?
กรมธนารักษ์จับมือกรมที่ดินใช้ข้อมูลประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ชี้เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น แม่สอด เพิ่มขึ้นกว่า 100%


นายสมคิด ศริ ที่ปรึกษา ด้านประสิทธิภาพกรมที่ดิน เปิดเผยภายหลังลงนามร่วมกับกรมธนารักษ์ ว่า กรมที่ดินจะส่งข้อมูลทั้งข้อมูลแผนที่ ทะเบียนที่ดิน อาคารชุด ไปยังกรมธนารักษ์ เพื่อใช้ในการทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ จากนั้นจะส่งกลับมากรมที่ดิน เพื่อใช้เก็บค่าธรรมเนียม โดยหลักแล้วจะใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายจากดาวเทียมแผนที่ดิจิตัลมาจัดทำข้อมูล 15 ล้านแปลง คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 59

สำหรับเบื้องต้นคาดว่าราคาประเมินที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 59 จะมีราคาสูงขึ้น หลังจากเมื่อช่วงปี 57 ที่ผ่านมา จากที่รัฐบาลเตรียมประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้ราคาที่ดินเฉลี่ยทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 20% โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น แม่สอด เพิ่มขึ้นกว่า 100% และยังมีตามแนวรถไฟฟ้าที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้กรมที่ดินจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมที่ดิน เพื่อขอใช้ข้อมูลที่ดินสำหรับจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ โดยจะใช้ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลทะเบียนที่ดิน ข้อมูลอาคารชุด รวมทั้งข้อมูลราคาซื้อขาย เพื่อวิเคราะห์กำหนดราคาประเมิน ก่อนจัดทำบัญชีและส่งให้กรมที่ดินใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และยังรองรับใช้เป็นฐานเก็บภาษี พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ทั้งนี้ จะนำเทคโนโลยีแบบใหม่มาช่วยการดำเนินงานสำรวจและประเมินราคา เช่น การนำแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม แผนที่ดิจิตัลรูปแบบแปลงที่ดิน เมื่อกรมธนารักษ์นำส่งกลับไปให้กรมที่ดินแล้ว จะทำให้กรมที่ดินสามารถนำไปใช้ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีต่าง ๆ จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพ และมีราคาประเมินสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามราคาตลาดของอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ ความคืบหน้าการจัดทำราคาประเมินทุนทรัพย์ ได้ประเมินไปแล้ว 25 จังหวัด คิดเป็นจำนวน 8.8 ล้านแปลง จากทั้งหมด 33 ล้านแปลง ที่ทางธนารักษ์จะต้องจัดทำประเมินเป็นรายแปลงทั่วประเทศ เพื่อใช้ในนโยบายรัฐบาลในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 7 มกราคม 2558