สทร. ชี้เศรษฐกิจโลกแกว่งกระทบส่งออกไทย

[brid.ladawan]

สทร. ชี้เศรษฐกิจโลกแกว่งกระทบส่งออกไทย

สภาผู้ส่งออก ชี้เศรษฐกิจโลกไม่นิ่งส่งผลกระทบสินค้าไทยส่งออก ด้าน อจ.ม.ธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ แนะรัฐบาลปรับโครงสร้างเก็บภาษีถูกลง ยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมัน ขณะที่ "ก่อศักดิ์" เชื่อหากเข้าสู่ Aec นักลงทุนทั่วโลกแห่ลงทุนไทย

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่โรงแรมแมนดาริน พระราม 4 นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าออกทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวภายในงานสัมมนา 3 ยุทธศาสตร์เจาะลึกเศรษฐกิจไทยปี 58 ว่า สถานการณ์การส่งออกของประเทศไทย มีแนวโน้มไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายประเมินไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่เติบโตตามที่คาดคิด เพราะเศรษฐกิจยุโรปกับญีปุ่นเกิดการชะลอตัว มีการใช้นโยบาย QE (Quantitative Easing) ทำให้ค่าเงินของยุโรปและญุี่ปุ่นลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้กระทบต่อการส่งออกของสินค้าไทย อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ส่งผลกระทบโดยรวมกับเศรษฐกิจของโลก นอกจากนี้ ทางยุโรปยังมีปัญหาจากประเทศรัสเซีย เรื่องความขัดแย้งกับยูเครน ที่ยุโรปพยายามทำตัวเป็นตำรวจโลก ยิ่งส่งผลกระทบโดยรวมของโลกและประเทศไทย แต่ไทยยังมีตัวช่วยจากเศรษฐกิจของอเมริกา ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แนะรัฐบาลต้องหาทางออกให้เศรษฐกิจไทย ด้วยการหาลูกค้าของตัวเอง ไม่ใช่ให้ไทยเป็นเพียงฐานการผลิต ต้องจับสินค้าและบริการมาเป็นแผนยุทธศาสตร์หลักของชาติ ต้องลงมาดูแลเกษตรกร ประชาชนระดับรากหญ้า หนี้ครัวเรือน เพราะหากประชาชนไม่มีเงินในการจับจ่ายใช้สอยจะทำให้เศรษฐกิจไม่เกิดการหมุนเวียน

ด้าน ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะเศรษศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องการนำเข้าพลังงาน ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งทำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการผลิตเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันไทยต้องพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ แม้ประเทศไทยจะมีก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และมีแนวโน้มว่าประเทศไทยจะต้องนำเข้าพลังงานมาใช้เพิ่มมากขึ้น 6-7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยเฉพาะภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันไทยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานหลัก ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศเช่นกัน ปีนี้น้ำมันราคาลดลง จึงถือเป็นข่าวดีของประเทศไทย ปัญหาของประเทศตอนนี้คือ พลังงานภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประชาชนยังต่อต้านการสร้างโรงงานไฟฟ้าและการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วต้นทุนต่ำกว่าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติมาก แนะรัฐบาลต้องปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยการเก็บภาษีสรรพสามิตให้ถูกขึ้น ยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันของกองทุนน้ำมัน เพื่อสะท้อนกลไกการตลาดที่แท้จริง ปรับราคาดีเซล เบนซิน และแก๊สหุงต้มให้ใกล้เคียงกัน พึ่งพาไฟฟ้าจากเขื่อนของประเทศเพื่อนบ้าน ปรับเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินและพลังงานหมุนเวียนทดแทน

ต่อข้อคำถามว่า จะสามารถยกเลิกกองทุนน้ำมันได้หรือไม่ ในความเป็นจริงสามารถทำได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น จนทำให้ราคาสินค้าและค่าบริการปรับขึ้น ส่วนราคาที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำอยู่ในขณะนี้ คาดว่าคนไทยจะได้ใช้น้ำมันในราคาต่ำแบบนี้ไปอีก 1 ปีครึ่ง จากเงินกองทุนน้ำมันที่มีอยู่ 2-3 หมื่นล้านบาท หรือจนกว่ารัฐบาลจะหมดอายุ

ด้านนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ต้องดูช่วงสั้นๆ แค่ 6 เดือน เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ช่วงนี้ไทยอาจจะส่งออกแย่ แต่การบริโภคภายในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ สังเกตจากการจับจ่ายซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน แม้จะไม่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ลดลง มั่นใจว่า ภายหลังประเทศเข้าสู่ Aec การลงทุนจากทั่วโลกจะหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองไทย เพราะไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคม ธุรกิจอสังหาจะได้ประโยชน์มากที่สุด ความต้องการออฟฟิศ คอนโด จะมากขึ้น จะมีการซื้อตัวผู้บริหาร นักลงทุนที่ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จะเลือกกลับมาพักและท่องเที่ยวในเมืองไทย คล้ายปรากฎการณ์ประเทศฮ่องกงในปี 1984 ที่จีนเพิ่งเริ่มเปิดประเทศ จะเกิดการจ้างงานและสร้างงาน ระบบเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งไม่ทรุดหนัก คนยังใช้จ่ายอัตราการว่างงานต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งยุโรป สรุปแล้วเศรษฐกิจไทยไม่น่าเป็นห่วง..

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 13 ก.พ 2558