ชงกพช.ซื้อไฟฟ้าขยะเอกชน

[brid.ladawan]

ชงกพช.ซื้อไฟฟ้าขยะเอกชน

พลังงานชงกพช.รับซื้อไฟฟ้าขยะรวม 550 เมกะวัตต์ ตีปี๊บเอกชนลงทุนลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เตรียมประกาศใช้แผนน้ำมัน-ก๊าซ ดันอี20

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน วันที่ 16 ก.พ.นี้ กระทรวงพลังงานจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณากรอบการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนจำนวน 500 เมกกะวัตต์ และไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 50 เมกะวัตต์ โดยกพช.จะกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะในรูปแบบอัตราค่าไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง(ฟีดอินทารีฟ) โดยสัดส่วนที่ต่างกันเนื่องจากปัจจุบันขยะอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลทำให้เหลือเข้าระบบผลิตไฟฟ้าน้อยกว่าขยะชุมชน ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่รับผิดชอบขยะชุมชน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่รับผิดชอบขยะอุตสาหกรรม

"การกำหนดสัดส่วนรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนและอุตสาหกรรมนั้นนอกจากจะเป็นการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ยังเป็นไปตามกรอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป้าหมายให้ได้ 20% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 8% ช่วง20 ปีข้างหน้า และอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศ หรือ พีดีพี 2015 ซึ่งจะมีการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียรอบสุดท้ายคือระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้ และจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการช่วงเดือนเม.ย.นี้"

ขณะเดียวกันยังเสนอให้พิจารณากำหนดนโยบายเรื่องการต่ออายุให้กับโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก(เอสพีพี)ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เองและขายเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยจะมีโรงไฟฟ้าดังกล่าวใกล้หมดอายุประมาณ 20 โรง หลายพันเมกกะวัตต์ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเกิดความกังวล ซึ่งรายละเอียดของนโยบายจะหารือในที่ประชุม เช่นจำนวนปีต่ออายุว่าเท่าไร รวมทั้งยังเสนอให้พิจารณาหลักเกณฑ์รองรับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทกริด ซึ่งเป็นโครงข่ายไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อสารมาบริหารจัดการ ควบคุมการผลิต ส่ง และจ่ายพลังงานไฟฟ้า สามารถรองรับการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกที่สะอาดที่กระจายทั่วไป และระบบบริหารการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งให้บริการกับผู้เชื่อมต่อกับโครงข่ายผ่านมิเตอร์อัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ปลายปีนี้ และยะงเสนอให้จะพิจารณาเพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน หรือ เบอร์ 5 เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการรับรู้และบริโภคอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานและได้มาตรฐาน

นายอารีพงศ์กล่าวว่า เดือนเม.ย.นี้ กระทรวงพลังงานยังเตรียมประกาศแผนการใช้น้ำมันและแผนการใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นนโยบายระดับประเทศเช่นเดียวกับแผนพีดีพี โดยแผนน้ำมันจะมีการกำหนดชนิดน้ำมันในช่วง 5 ปี 10 ปี ว่าจะพัฒนาและดำเนินการอย่างไร ควรมีชนิดใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันเป็นหลักดังนั้นควรมีการวางแผนให้ชัดเจน และรองรับเออีซี นอกจากนี้จะกำหนดให้ภาคขนส่งของประเทศใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี)เป็นหลัก จากปัจจุบันยังมีจำนวนหนึ่งที่ใช้น้ำมันอยู่

"แผนน้ำมันที่ทำอยู่ยอมรับว่าต้องหารือร่วมกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะค่ายรถยนต์เพราะต้องผลิตรถยนต์ให้ตรงกับเชื้อเพลิงในอนาคต โดยน้ำมันที่กระทรวงพลังงานจะให้เป็นตัวหลักในอนาคตคือ อี20 ส่วนความชัดเจนว่าจะเลิกใช้แก๊สโซฮอล์ 91 หรือไม่ต้องขอเวลาสรุปอีกครั้ง"


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 16 ก.พ 2558