ดันทางเดินเลียบเจ้าพระยาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่

[brid.ladawan]

ดันทางเดินเลียบเจ้าพระยาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่

กทม.เดินหน้าสร้างทางเดินริมเจ้าพระยาสนองนโยบายรัฐบาลเขตทาง20เมตรปักเสาลงแม่น้ำตลอดแนวจากพระราม7-ปิ่นเกล้าทำทางเดินทางจักรยาน 200หลังรุกแม่น้ำเตรียมย้าย5เดือนสรุปแบบเบื้องต้น

เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 27ก.พ. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 1/2558 โดยมีม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร ตัวแทนจากสำนักพระราชวัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมวันนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับการปรับทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเริ่มตั้งแต่สะพานพระราม 7-สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าระยะทาง 14 กิโลเมตร เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยในที่ประชุมวันนี้กทม.ได้มีการเสนอแนวคิดในการปรับภูมิทัศน์เบื้องต้นจะมีการก่อสร้างทางเดินทั้ง 2 ฝั่งฝั่งละ 10 เมตร รวมทางจักรยานอีก 10 เมตร เป็นระยะทางทั้งสิ้น 20 เมตรเป็นทางเดินที่ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตลอดเส้นทาง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาระยะทางรวม 14 กิโลเมตร จะผ่านวัด 8 แห่ง ท่าเรือ 36 แห่ง โรงแรม/ร้านอาหาร 6 แห่ง สถานที่สำคัญขนาดใหญ่ 19 แห่ง โดยมีประชาชนรุกล้ำพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่ง จำนวน 268 หลังคาเรือน นอกจากนี้ยังจะมีการก่อสร้างพื้นที่ทำกิจกรรมสันทนาการในบริเวณที่มีเนื้อที่เพียงพอ ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่ของวชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชและสถานีดับเพลิงสามเสนที่อยู่ติดริมน้ำก็จะมีการถอยร่นลงไปด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่าในวันนี้ได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการบริหาร 4 ชุดได้แก่ ด้านบริหาร ด้านการออกแบบภูมิสถาปัตย์ ด้านประชาสัมพันธ์ และด้านกฎหมายขึ้นมาดพเนินการหากดำเนินการัตียบร้อยแล้วจะมีกรรเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยต่อไป ทั้งนี้เบื้องต้นจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่รุกล้ำเข้ามาในแม่น้ำเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งหากพบว่าต้องเยียวยากทม.ก็จะดำเนินการซึ่งระยะเวลาในกรดำเนินการนั้นจะกำหนดภายหลังจากที่แต่งตั้งคณะกรรมเสร็จเรียบร้อยก่อน ทั้งนี้กทม.อาจจะต้องมีการจ้างเอกชนทำการออกแบบรายละเอียดโครงการและศึกษาผลกระทบเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการโดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 4-5 เดือน ส่วนด้านงบประมาณในการดำเนินการต้องรอผลการศึกษาที่แน่ชัดอีกครั้ง.


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558