ขาขึ้นอีบุ๊กหน้าใหม่ตบเท้าชิงเค้ก "อุ๊คบี"เร่งขยายฐานคนใช้-"

[brid.kavee]

ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


ขาขึ้นอีบุ๊กหน้าใหม่ตบเท้าชิงเค้ก "อุ๊คบี"เร่งขยายฐานคนใช้-"โอเพ่นเซิร์ฟ"บุกตจว.
« on: February 04, 2013, 02:20:46 pm »

ขาขึ้นอีบุ๊กหน้าใหม่ตบเท้าชิงเค้ก "อุ๊คบี"เร่งขยายฐานคนใช้-"โอเพ่นเซิร์ฟ"บุกตจว.

ส่งผลถึงกันเป็น "โดมิโน" แต่ในแง่ดี ไม่ว่าจะเป็นการมาถึงของเทคโนโลยี 3G คลื่น 2.1 GHz หรือความนิยมในการใช้ "สมาร์ทโฟนและแท็บเลต" ทั้งความนิยมจริงและนโยบายภาครัฐ ล้วนมีส่วนต่อการเติบโตของธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ "อีบุ๊ก" ก็เป็นหนึ่งในนั้น

โดยนายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเพ่น เซิร์ฟ จำกัด เจ้าของเครื่องมือสร้างอีบุ๊ก "I LOVE LIBRARY" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตลาดอีบุ๊กในประเทศไทยปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 700-800 ล้านบาท เติบโต 100% ส่วนใหญ่มาจากภาคการศึกษา ซึ่งโครงการแท็บเลตเพื่อการศึกษาของภาครัฐมีผลอย่างมาก ขณะที่กลุ่มนิตยสารและพ็อกเกตบุ๊กมีสัดส่วนไม่เกิน 200 ล้านบาท มียอดขายเติบโตดีจากกลุ่มผู้อ่านคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากราคาอีบุ๊กในไทยยังต่ำกว่าราคาหนังสือจริงเพียง 30% และกลุ่มผู้ใช้แท็บเลตในประเทศ แม้เติบโตสูงแต่ยังมีไม่มากนัก สำหรับผู้บริโภคทั่วไปคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา สำนักพิมพ์ต่าง ๆ เริ่มตื่นตัวและสนใจทำอีบุ๊กด้วยตนเองมากขึ้น ปัจจุบันมีสำนักพิมพ์ในไทยมากกว่า 100 ราย จากกว่า 300 ราย เตรียมทำอีบุ๊ก และมีผู้ประกอบการประมาณ 20 ราย มีรายใหญ่ที่มีศักยภาพจริง ๆ 3-4 ราย และการแข่งขันที่เห็นได้ชัดคือการตัดราคา ด้วยการขอแบ่งรายได้จากสำนักพิมพ์น้อยลง คาดว่าปี 2556 จะมีผู้ประกอบการเพิ่มอีก แต่สุดท้ายคงเหลือไม่ถึง 10 ราย เพราะการแบ่งสัดส่วนรายได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่าย และรายใดขายหนังสือให้สำนักพิมพ์ได้มากกว่า

สำหรับภาพรวมตลาดปีนี้ เชื่อว่าคงโตต่อเนื่องอย่างน้อย 100% และคาดว่าจะอยู่ในระดับนี้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี จากปัจจัยเรื่องโครงการแท็บเลตเพื่อการศึกษาของรัฐบาล ที่มีทั้งสำหรับเด็กนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบกับสำนักพิมพ์หันมาทำอีบุ๊กมากขึ้น ขณะที่ระดับราคาแท็บเลตถูกลง

"การเกิดบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยผลักดันตลาดอีบุ๊กไทย เพราะทำให้คนดาวน์โหลดไฟล์สะดวกขึ้น ผู้ผลิตใส่ลูกเล่นด้านมัลติมีเดียเข้าไปได้มากกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงที่เห็นในตลาดมี 2 รูปแบบ เรื่องแรก ผู้บริโภคเริ่มอ่านหนังสือผ่านแท็บเลตมากขึ้น เรื่องที่ 2 องค์กรและสถานศึกษาหันมาซื้ออีบุ๊กมากขึ้น เพราะไม่มีที่เก็บหนังสือ"

นายนิทัศน์กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยบางแห่งเริ่มทำ virtual library บ้างแล้ว โดยให้ผู้ใช้ยืมหนังสือในรูปแบบไฟล์ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสถานที่ และค่าบำรุงรักษาหนังสือ

สำหรับบริษัทปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท จากการจำหน่ายโปรแกรมผลิตอีบุ๊ก I LOVE LIBRARY ให้องค์กรทั้งเอกชนและรัฐ สัดส่วน 30 : 70 ตามลำดับ และปีนี้คาดว่าจะเติบโต 100-150%

โดยบริษัทเน้นการจัดสัมมนาตามจังหวัดในแต่ละภูมิภาค และทยอยทำอีบุ๊กของตนเอง โดยจะมีอีบุ๊กจากสำนักพิมพ์ประมาณ 30 แห่ง เริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปีนี้

ด้านนายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุ๊คบี จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมามีผู้เข้าสู่ตลาดอีบุ๊กเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ร้านหนังสือรายใหญ่ เอเซียบุ๊คส, ซีเอ็ด, นายอินทร์, บีทูเอส รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออย่างเอไอเอส ไปจนถึงสำนักพิมพ์รายเล็กและรายใหญ่ทำอีบุ๊กสโตร์ในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งที่รองรับระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ หรือเปิดเว็บไซต์จำหน่ายอีบุ๊กของตนเอง

ขณะที่ผู้บริโภคเริ่มตื่นตัวและรู้ว่ามีอีบุ๊กให้อ่านได้ ในแง่มูลค่าตลาดรวมในกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 150-200 ล้านบาท จากปีก่อนไม่กี่สิบล้านบาท เพราะตลาดในบ้านเรายังใหม่มาก และมีคนใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเลตมากขึ้น

สำหรับปีนี้ ตลาดน่าจะเติบโต 300-400% และโตเป็นเท่าตัวไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยมูลค่าตลาดอีบุ๊กยังมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของตลาดหนังสือเล่มในไทยซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี หากดูแนวโน้มในต่างประเทศจะพบว่า ในสหรัฐอเมริกามีสัดส่วน 20% ของตลาดหนังสือทั้งหมด หมายความว่ายังมีโอกาสโตได้อีกมาก

"การให้บริการ 3G ทำให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้น และโครงข่ายที่ดีทำให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดอีบุ๊กจากนอกบ้านมากขึ้น ทั้งสำนักพิมพ์หลายแห่งที่ยังไม่ได้มองตลาดอีบุ๊กเพราะกลัวว่ายอดขายจะมาแข่งกับหนังสือเล่มของตน เมื่อมีคนอ่านมากขึ้นอาจทำให้สำนักพิมพ์ต้องเข้ามาเล่นด้วย"

จากการเก็บข้อมูลพบว่าตลาดอีบุ๊กในไทยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าทุกประเทศในอาเซียน มูลค่าตลาดที่มีเนื้อหาโลคอลยังสูงเป็นอันดับ 1 คาดว่าในอนาคตระดับโลก เช่น อเมซอน, บาร์นส์ แอนด์ โนเบิล, โคโบ ไปจนถึงบริการจำหน่ายอีบุ๊กของแอปเปิล เป็นต้น อาจขยายเข้ามาในไทย แต่คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี เพราะขนาดตลาดบ้านเรายังเล็ก

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ผู้บริโภคชาวไทยนิยมอ่านอีบุ๊กในรูปแบบนิตยสารมากที่สุด เนื่องจากคอนเทนต์ค่อนข้างครอบคลุม ขณะที่คอนเทนต์ของพ็อกเกต บุ๊กยังมีน้อย หากวัดจากยอดขายอีบุ๊กของอุ๊คบีพบว่าผู้บริโภคชาวไทยมีอัตราการใช้จ่ายกับอีบุ๊กเฉลี่ยปีละ 300 บาทต่อคน มีผู้บริโภคยอมจ่ายเงินสำหรับหนังสืออีบุ๊ก 15% หรือ 300,000 คน จากฐานลูกค้าอุ๊คบี 2 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากค่าสมัครสมาชิกนิตยสารอีบุ๊กรายปี

หากตลาดมีพ็อกเกตบุ๊กที่อยู่ในรูปแบบอีบุ๊กมากกว่านี้ อาจทำให้อัตราการใช้จ่ายกับอีบุ๊กสูงขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทจะพยายามเพิ่มฐานผู้ใช้ด้วยการลงโฆษณา และจัดแคมเปญให้คนซื้อสมาร์ทโฟนและแท็บเลตหันมาใช้อีบุ๊กของอุ๊คบี ด้วยการให้อ่านฟรีภายในเวลาจำกัด เน้นทำตลาดกับเอไอเอส รวมถึงจับมือกับธุรกิจร้านหนังสือ, สำนักพิมพ์ หรือธนาคารที่ออกแอปพลิเคชั่นอีบุ๊กของตนเอง

นอกจากนี้ยังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอีก 2 ตัว ได้แก่ แอปพลิเคชั่นสำหรับอ่านข่าวในช่วงต้นปี 2556 และอีกแอปพลิเคชั่นในไตรมาส 2 ส่วนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ มีที่เวียดนามและมาเลเซีย โดยปีนี้จะขยายไปยังสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

"ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากอีบุ๊ก 80-90 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ถึง 700-800% ปัจจุบันอุ๊คบีมีส่วนแบ่งตลาดอีบุ๊กในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป 80-90% และปีนี้คาดว่าจะทำรายได้รวมถึง 300 ล้านบาท เติบโต 200-300%"

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
24 ม.ค. 2556