เก็บภาษีหุ้น-ภาษีนิติบุคคล ดีกว่าไหม

[brid.ladawan]

เก็บภาษีหุ้น-ภาษีนิติบุคคล ดีกว่าไหม

วันก่อน "หม่อมอุ๋ย"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯเศรษฐกิจ ออกมาบอกว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเก็บภาษีบ้านทดแทนที่ไม่ต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม "แวต" เนื่องจากจะไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศ มาสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ หากเก็บภาษีบ้านรัฐจะมีรายได้อีกปีละ 200,000 ล้านบาท ฟังดูแล้วรู้สึกทะแม่งๆ สรุปว่ายังไงชาวบ้านก็ต้องจ่ายไม่ภาษีบ้านก็ต้องเสียแวตเพิ่ม


แต่ไม่มีใครพูดถึง "ภาษีรายได้นิติบุคคล" ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลดให้กับเอกชนจาก 30% เหลือ 20% อ้างว่าเป็น "แม่เหล็ก" ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นและเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานและชดเชยที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ปรากฏว่าไม่เป็นไปตามนั้นสักข้อ เพราะตั้งแต่ลดภาษีปรากฏว่าไม่มีบริษัทไหนขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน และก็ไม่ได้จูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด


แต่บริษัทเอกชนทั้งหลายฟันกำไรไปเต็มๆ ปีแรก 7% ปีต่อมา 10% กำไรพุงปลิ้นโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร

ก็น่าจะทบทวน แทนที่จะขึ้นภาษีบ้านทำให้มนุษย์เงินเดือนที่พอจะมีบ้านไว้ซุกหัวนอนเดือดร้อน ก็หันมาปรับเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคลแทน ปรับขึ้นสักแค่ 5% เป็น 25% ก็พอ แค่นี้ก็ไม่ต้องเก็บภาษีบ้านที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม


แต่ถ้ารัฐบาลใจกล้าจริงๆ ยังมี "แคปิตอล เกน" หรือ ภาษีที่เก็บจาก "กำไร" ของนักเล่นหุ้นที่กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน มีรายได้แต่ไม่เสียภาษี เพราะไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะ มักจะอ้างว่าจะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น หนีไปลงทุนที่อื่นแทน ทั้งที่หลายประเทศไม่ว่าญี่ปุ่น สหรัฐ ก็มีการเก็บภาษีนักเล่นหุ้นทั้งนั้นเพราะถือว่ามีรายได้ แต่กลับจะมาเก็บ "ภาษีบ้าน" ที่ไม่ได้สร้างรายได้อะไรเลย


ไม่ได้คัดค้านไม่ให้เก็บภาษีบ้านที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ควรจะเก็บเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมคือ "คนมีมากจ่ายมาก คนมีน้อยจ่ายน้อย" มากกว่าที่จะเป็นการหารายได้เข้ารัฐอย่างที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้


ที่สำคัญผิดที่ผิดเวลา เพราะไม่มีรัฐบาลประเทศไหนมาเก็บภาษีในยามที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ดชาวบ้านเดือดร้อนอย่างนี้

ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 13 มีนาคม 2558