ชาวบ้านวอนรัฐคุมราคาสินค้า

[brid.ladawan]

ชาวบ้านวอนรัฐคุมราคาสินค้า

ครม.รับทราบ โพลประชาชนชี้ ส่วนใหญ่ของกินราคาแพง ทั้งผลไม้ อาหารทะเล และอาหารตามสั่ง

ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 5,800 ราย เกี่ยวกับเรื่องค่าครองชีพในเดือนก.พ.58 โดยสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด คือ อยากให้ภาครัฐเข้ามาควบคุมราคาสินค้าอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเนื้อหมู ข้าวสาร น้ำมันพืช อาหารตามสั่ง และปุ๋ยเคมี รวมไปถึงไข่ไก่ กับข้าวสำเร็จรูป และอาหารทะเล เพราะจากการสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ ระบุว่า ขณะนี้มีสินค้า 3 อันดับแรกที่มีราคาแพง และทำให้เกิดผลกระทบ คือ ผวันอังคาร 17 มีนาคม 2558 เวลา 17:42 น.
ลไม้ อาหารทะเล เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอย และอาหารตามสั่ง

ทั้งนี้ประชาชนได้มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเข้ามาดูแลควบคุมราคาสินค้าอย่างจริงจังมากที่สุด รองลงมาคือ อยากให้หน่วยงานภาครัฐ จัดมหกรรมสินค้าราคาถูก เช่น ธงฟ้าราคาประหยัด ควบคู่กับการใช้กฎหมายลงโทษพ่อค้า แม่ค้าที่ขายสินค้าเกินราคา พร้อมทั้งควบคุมราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรให้ถูกลง เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช และยังมีข้อเสนอแนะอื่น ๆ เช่น การสนับสนุนให้บริโภคสินค้าเกษตรของไทย การปรับเงินเดือนให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

สำหรับการสำรวจครั้งนี้ ยังระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 59% เห็นว่า ราคาสินค้าอุปโภค และบริโภคในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แต่ราคาสินค้ากลับมีราคาเท่าเดิม โดยมีประชาชนอีก 32% เห็นว่า สินค้ามีราคาแพงขึ้น ทำให้ต้องตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างระมัดระวัง หรือซื้อเท่าที่จำเป็น ขณะที่ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ เห็นว่า สินค้าในภาพรวมมีราคาแพงขึ้นสูงกว่าทุกภาค ที่ 49% รองลงมาคือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

ประชาชนมากกว่าครึ่งยังเห็นว่า แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทุกวันยังคงเท่าเดิมไม่แตกต่างจากช่วงที่ราคาน้ำมันแพง ที่เหลือ 1 ใน 3 เห็นว่า ค่าใช้จ่ายลดลงจากเดิม และมีเพียง 2.8% เท่านั้นที่เห็นว่า ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่การให้บริการรถเมล์ฟรี ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 89% ระบุว่า ไม่เคยได้ใช้บริการดังกล่าวเลย มีเพียง 10% เท่านั้นที่เคยใช้บริการ โดยผู้ที่ใช้บริการระบุว่า ลดค่าใช้จ่ายได้เฉลี่ยเดือนละ 204 บาท ส่วนรถไฟชั้น 3 ฟรี ประชาชนกว่า 94% ระบุว่า ไม่เคยได้ใช้บริการ มีเพียง 5.6% เท่านั้นที่ใช้บริการ โดยผู้ที่บริการระบุว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เดือนละ 251 บาท


ที่มา เดลินิวส์
วันที่17 มีนาคม 2558