"ซีพี รีเทลลิงค์"ทุ่ม200ล้าน ผุดโรงคั่วกาแฟ จับมือ"เฮนนี เพน

[brid.ladawan]

"ซีพี รีเทลลิงค์"ทุ่ม200ล้าน ผุดโรงคั่วกาแฟ จับมือ"เฮนนี เพนนี"โฟกัสขายอุปกรณ์รับฟู้ดเซอร์วิสโต


นายนริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม ซีพี ออลล์ ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ประกอบอาหารและเครื่องดื่มสำหรับภัตราคาร, โรงแรม, ร้านสะดวกซื้อและอุปกรณ์เครื่องชงกาแฟ กล่าวว่า เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขายท่ามกลางสภาพตลาดในปัจจุบัน ในปีนี้บริษัทจะให้น้ำหนักกับการจำหน่ายอุปกรณ์ประกอบอาหารมากขึ้น รับกับการเติบโตของตลาดฟู้ดเซอร์วิส โดยการหาพันธมิตรมาเสริมทัพจากเดิมที่อยู่ 5 ราย ล่าสุดได้จับมือกับบริษัท เฮนนี เพนนี คอร์ปปอเรชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องทอดและตู้รักษาความร้อนสำหรับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งซีพี รีเทลลิงค์ได้สิทธิจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทยตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา และมีโอกาสขยายสิทธิไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในอนาคต

“ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวสูงมีโรงแรมขนาดกลางในไทยกว่า10,000 โรงแรม ฟู้ดเซอร์วิสในไทยและประเทศเพื่อนบ้านยังมีโอกาสอีกมาก บริษัทจึงพยายามหาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งมาเพิ่มเติมเพื่อรับโอกาสดังกล่าว สำหรับยอดขายของเพนนีเฮนนีในปีแรกตั้งเป้าไว้ที่ปีแรกประมาณ 100 ล้านบาท เดือนพฤษภาคมจะมีเครื่องอบแบรนด์ใหม่ในกลุ่มอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหารเพิ่มอีกแบรนด์ รวมทั้งเตรียมรีลอนช์แบรนด์จากออสเตรเลียกลับมาทำตลาดอีกครั้ง”

นายนริศ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีรายได้จาก 2 ส่วนธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการบริการ เช่น การซ่อมเครื่อง และธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ที่ทำรายได้เป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด จำหน่ายสินค้า 3 กลุ่มได้แก่ อุปกรณ์สำหรับเครื่องดื่ม อุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร และอุปกรณ์สำหรับการบริการ อาทิ คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศที่จะใช้ภายในร้าน คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหารจะเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 15% ในปีนี้

นอกจากการเพิ่มเติมแบรนด์สินค้าให้หลากหลาย ยังได้เพิ่มเติมช่องทางจำหน่ายสินค้าได้แก่ช่องทางออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของแม็คโคร ทเวนตี้โฟร์ช้อปปิ้ง และการขยายธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ คาดว่ายอดขายประมาณ 25% ในปีนี้จะมาจากช่องทางใหม่ พร้อมกับสร้างความเข้มแข็งในการให้บริการหลังการขาย และเพิ่มเติมการให้บริการซ่อมระบบเครื่องปรับอากาศ ระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า ในคอนโดมีเนียมราคาระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปด้วยทีมช่างกว่า 50 คน ซึ่งได้ทดลองให้บริการมา 3 – 4 ปีแล้ว

และในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ จะเริ่มสร้างโรงงานกาแฟคั่วบด 2 แห่ง ด้วยงบการลงทุนรวม 200 ล้านบาท ที่มหาชัยและบางนา พื้นที่ละ 1,000 ตารางเมตร รองรับการผลิตกาแฟคั่วบดบรรจุถุง ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 30 ตันต่อเดือน เป็น 50 ตันต่อเดือน ส่วนตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายที่เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และกำลังจะเซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่ายที่มาเลเซียอย่างเป็นทางการปลายเดือนนี้ และมองโอกาสการขยายตลาดในจีน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์เพิ่มเติมในอนาคต

ด้วยความเคลื่อนไหวเหล่านี้ คาดว่าจะผลักดันยอดขายของบริษัทให้เติบโตจากปีก่อนได้ 15% ปิดยอดขายที่ 3,400 ล้านบาท ขณะที่ปีที่ผ่านมา มียอดขายประมาณ 2,900 ล้านบาท เติบโต 10% จากยอดขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มกาแฟที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทย


ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 มี.ค. 2558