“ซัมซุง” พร้อมรับ 4G ทุกคลื่น มั่นใจ “S6/S6Edge” กระแสตอบรับ

[brid.ladawan]

“ซัมซุง” พร้อมรับ 4G ทุกคลื่น มั่นใจ “S6/S6Edge” กระแสตอบรับดีกว่ารุ่นเดิม

“ซัมซุง” พร้อมรับ 4G ทุกคลื่น มั่นใจ “S6/S6Edge” กระแสตอบรับดีกว่ารุ่นเดิม
ซัมซุง ไม่กังวลประมูล 4G คลื่นความถี่ไหนก็ได้ เพราะตัวเครื่องส่วนใหญ่รับหมดทุกคลื่น มั่นใจกระแสการตอบรับ Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge ตื่นตัวมากขึ้น พร้อมเคาะช่วงเวลาวางจำหน่ายหลังเทศกาลสงกรานต์

นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในฝั่งของผู้ผลิตเชื่อว่า การที่ประเทศไทยจะมีการเปิดประมูลคลื่นเพื่อนำมาให้บริการ 4G ที่หลากหลาย ไม่น่าจะส่งผลกระทบ เพราะเครื่องส่วนใหญ่จะรองรับการใช้งานทุกคลื่นอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่มีการแยกคลื่น 3G 850 MHz และ 900 MHz

“แต่ก่อนการที่มีหลายคลื่นอาจส่งผลกระทบในการนำเครื่องเข้ามาทำตลาด แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถบรรจุการเชื่อมต่อลงในชิปชนิดเดียวกันหมด จึงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อมีการประมูลทางเวนเดอร์ก็พร้อมจะนำเครื่องเข้ามาจำหน่ายอยู่แล้ว”

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงผลตอบรับหลังจากที่ Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge เปิดตัวว่า ได้รับฟีดแบ็กจากพาร์ตเนอร์หลายราย ที่ถือว่าค่อนข้างเป็นบวกมากๆ รวมไปถึงในฝั่งของผู้บริโภคก็มีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับตอน Galaxy S5

“ไทยยังถือเป็นกลุ่มประเทศแรกที่ได้วางจำหน่าย S6 และ S6 Edge เพียงแต่ว่าอาจจะมีการปรับวันวางจำหน่ายแตกต่างกับประเทศอื่นๆ เพราะติดช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ทั้งนี้ ก็อาจจะมีการเปิดให้จองสินค้าก่อนวางจำหน่าย เป็นการกระตุ้นตลาดไปในตัว”

ในแง่ของราคาวางจำหน่าย ทางซัมซุง ให้ข้อมูลไว้ว่า สินค้าราคาเริ่มต้นจะอยู่ใกล้เคียงกับตอน Galaxy S5 ที่เปิดตัวในราคา 23,800 บาท เพียงแต่ในครั้งนี้จะมีให้เลือกหลากหลายรุ่นมากขึ้น จากการที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นแบบมีหน่วยความจำในตัวเครื่องให้เลือก 32 GB 64 GB ส่วนรุ่น 128 GB ยังต้องรอพิจารณาอีกครั้ง

น.ส.วราภรณ์ ลิขิตจรรยากุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที ไทยซัมซุง กล่าวย้ำถึงจุดเด่นสำคัญใน Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge จะมีด้วยกันหลักๆ แล้ว 3 จุด คือ ในแง่ของดีไซน์ตัวเครื่องโดยเฉพาะในตัว S6 Edge ที่มีการนำจอโค้งทั้ง 2 ฝั่งเข้ามาใช้งาน ถัดมาคือเรื่องของกล้องที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ชัดเจน และสุดท้ายคือ ฟีเจอร์พิเศษที่เพิ่มเข้ามาอย่างระบบชาร์จไร้สาย

ทั้งนี้ ซัมซุง ประเมินตลาดสมาร์ทโฟนในระดับพรีเมียมไว้ว่าจะมีส่วนแบ่งจากตลาดรวมโทรศัพท์ มือถือราว 15-20% โดยตลาดรวมจะอยู่ที่ 18-20 ล้านเครื่อง ซึ่งเชื่อว่าตลาดกลุ่มนี้จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจมากนัก แต่จะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีว่า มีเทคโนโลยีใดใหม่ๆ เข้ามาก็จะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย

ขณะที่ถ้ามองในส่วนของมูลค่าตลาด สินค้าที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์จะมีสัดส่วนราว 30-40% ในขณะที่ตลาดเครื่องระดับกลางอยู่ที่ราว 40-50% และตลาดล่างจะอยู่ที่ราว 20% ทำให้ตอนนี้หลายๆ แบรนด์เริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดระดับกลางมากยิ่งขึ้น


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 24 มีนาคม 2558