ผนึกจ้าสัวดันธุรกิจสู่อาเซียน-จีน

[brid.ladawan]

ผนึกจ้าสัวดันธุรกิจสู่อาเซียน-จีน

พาณิชย์จับมือ 4 เจ้าสัวนำเอสเอ็มอีขยายธุรกิจสู่อาเซียน-จีน พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด-กฏระเบียบการค้า เตรียมคัดเลือกผู้ประกอบการเม.ย.นี้


พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามการดำเนินการตามนโยบายกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ว่าขณะนี้กลุ่มสหพัฒน์, เซ็นทรัล,ไทยเบฟ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เตรียมนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการโรดโชว์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนรายใหญ่ทำโครงการพี่ช่วยน้อง เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถส่งออกและขยายธุรกิจในต่างประเทศได้สะดวกขึ้น โดยกลุ่มสหพัฒน์จะเป็นพี่เลี้ยงในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะกัมพูชา, กลุ่มเซ็นทรัล ตลาดเวียดนามและอินโดนีเซีย, กลุ่มไทยเบฟเน้นตลาดอาเซียน และ กลุ่มซีพีเน้นตลาดจีน เป็นต้น

“ตอนนี้มีความคืบหน้าไปกับโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบการขนาดใหญ่ โดยล่าสุดรายใหญ่อยู่ระหว่างการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด โอกาส ช่องทางแนวโน้ม และกฏระเบียบต่างๆ ก่อนคัดเลือกผู้ประกอบการให้ทันภายในเดือน เม.ย. นี้ เพื่อโรดโชว์บุกตลาดต่างประเทศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้เชิญ 4 เจ้าสัวของไทยในการร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมและการหามาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบด้วย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์, นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการและกรรมการบริหาร กลุ่มสหพัฒน์ และนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งทั้งหมดยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกด้าน อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ปัญหาส่งออก ค่าครองชีพ ผลผลิตทางการเกษตร ธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นต้น

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการส่งออกไทยปี 58 ยอมรับในเดือน เม.ย. นี้จะมีการพิจารณาทบทวนเป้าการส่งออกใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว รวมถึงสินค้าบางรายการติดลบมาก เช่น ส่งออกทองคำติดลบ 60%แต่พบว่าการนำเข้ายังสูง อย่างไรก็ตามในภาพรวมหลายๆประเทศมีสถานการณ์การส่งออกที่ลดลงเหมือนกับไทยหรือมากกว่าไทย เช่น 2 เดือนแรกปี 58 ประเทศอินเดียส่งออกติดลบ 13%, อินโดนีเซียติดลบ 11.90%, สิงคโปร์ติดลบ 8.60%, ออสเตรเลียติดลบ 8.40%, สหรัฐฯติดลบ 5.10% ขณะที่ไทยติดลบ 4.80%

“ ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. และชี้แจงสถานการณ์ส่งออกไทย อย่างไรก็ตามก็ยืนยันว่าไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ประสบปัญหาส่งออกติดลบ ประเทศคู่ค้าและคู่แข่งของไทย ก็ติดลบเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกซึมตัว และการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกน่าจะยังฟื้นตัวแบบช้าๆ”

น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ มีแผนในการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ โดยจะเร่งผลักดันระบบแฟรนไชส์เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจในการขยายสาขาที่มีประสิทธิภาพ การสร้างความได้เปรียบในด้านแหล่งเงินทุน และบุคลากรที่จะมาร่วมสร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร พร้อมทั้ง ช่วยสร้างธุรกิจรายใหม่ให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าและเร็วกว่าการเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเอง

“ปัจจุบันธุรกิจเฟรนไชส์ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 500 กว่าราย มีมูลค่าตลาดโดยรวมประมาณ 250,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 10-15 % ต่อปี ดังนั้น การสร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบ แฟรนไชส์ ต้องพัฒนาผู้ขายแฟรนไชส์ให้สามารถใช้ระบบแฟรนไชส์เป็นกลยุทธ์สร้างโอกาสขยายธุรกิจ ได้รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็จะสร้างโอกาสและทางเลือกให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจจะลงทุนในธุรกิจนี้ด้วย”

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 25 มีนาคม 2558