'บิ๊กจิน'ยกปัญหาระดับชาติ จ่อตั้งคณะ กก.รายงาน'ไอเคโอ'ทุก15ว

[brid.ladawan]

'บิ๊กจิน'ยกปัญหาระดับชาติ จ่อตั้งคณะ กก.รายงาน'ไอเคโอ'ทุก15วัน


“ประจิน”ยกปัญหาระดับชาติ หลังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ตรวจพบข้อบกพร่อง เด้งรับพร้อมแก้ไขทุกสิ่ง ตั้งคณะกรรมการรายงานไอเคโอทุก15วัน เดินสายแจงเกาหลี-จีน-ออสเตรเลีย-เยอรมัน

วันที่ 30 มี.ค. ที่กระทรวงคมนาคม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว. เปิดแถลงข่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา กรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย ส่งผลให้กรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น (JCAB) ไม่อนุมัติให้ไทยทำการเปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนขนาดของเครื่องบิน เปลี่ยนปลายทางลงของเครื่องบิน ว่า กรณีดังกล่าว นายกฯ ได้สั่งให้ยกระดับเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเป็นระดับชาติ โดยนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะสนับสนุนให้ใช้แง่กฎหมาย เพื่อพิจารณาเรื่องการปรับรูปแบบองค์กร การได้มาซึ่งบุคลากร งบประมาณ และการแก้ไขบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย ดังนั้น หากใช้ขั้นตอนปกติคงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งจะเกิดผลกระทบมากมาย ทั้งการบิน ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศ จึงจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2-8 เดือน

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่ไอเคโอได้ตรวจ คือ องค์ประกอบด้านกฎหมายหลัก โดยมีหลายประเด็นยังไม่ทันสมัย โดยยอมรับว่า พ.ร.บ.เดินอากาศของไทย ยังเป็น พ.ศ. 2497 บางรายการยังปรับปรุงไม่ครบถ้วน ก็จะมีการแก้ไข โดยได้แต่งอธิบดีกรมการบินพลเรือน เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการร่างกฎหมาย โดยใช้แนวทางของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ทำไว้แล้วเป็นแนวหลัก และเพิ่มเติมบางส่วนให้สอดคล้องมาตรฐานสากล ส่วนองค์ประกอบด้านกฎระเบียบยังไม่ครบถ้วน ไม่ว่า จะเป็นเรื่องข้อบังคับกฎระเบียบกระบวนการต่างๆ นั้น จะเร่งพิจารณาตรวจให้เรียบร้อยโดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในส่วนขององค์ประกอบการด้านการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และหน้าที่การกำกับดูแลความปลอดภัยนั้น บพ.ทำครบทั้ง 3 ด้าน คือ ในเรื่องของนโยบาย การกำกับดูแล และการปฏิบัติ โดยในการปฏิบัติ บพ.มีสนามบินอยู่ในความรับผิดชอบ 20 กว่าแห่ง ซึ่งยอมรับว่า ไม่เป็นตามมาตรฐานสากล อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงจะยกเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในการแก้ไขพร้อมกัน โดยจะแก้ทั้งในส่วนขององค์กร บทบาทหน้าที่ องค์ประกอบด้านคุณสมบัติ การฝึกอบรมบุคลากรที่ทำหน้าที่ทางเทคนิค เนื่องจากบุคลากรด้านการบินมีจำนวนไม่พอ เรียกว่า ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็น และจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ดังกล่าว ไม่ผ่านการฝึกอบรมจากไอเคโอ ก็จะต้องแก้ไข โดยจะบรรจุคนที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเข้ามา

นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่เพิ่มจบการศึกษาที่ตรงกับความต้องการก็จะเชิญเข้ามาบรรจุ และอัตราจ้าง เช่นคนที่เพิ่งเกษียณและมีความเชี่ยวชาญ เพื่อดำเนินงานให้ได้ตามอัตราขั้นต่ำที่ไอเคโอกำหนด

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรื่ององค์ประกอบด้านแนวทางปฏิบัติทางเทคนิค เครื่องมือและข้อกำหนดของข้อมูลความปลอดภัย จะเป็นในเรื่องของข้อมูล เอกสารที่ไม่ทันสมัย เรื่องนี้ก็ยอมรับว่ามีหลายเรื่องไม่ทันสมัย แต่หลายเรื่องก็กำลังปรับปรุง โดยที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อจัดทำฐานข้อมูลด้วย ขณะที่องค์ประกอบด้านการอนุญาต การรับรอง การให้อำนาจหน้าที่ เนื่องจากกำลังพลมีน้อยก็ต้องเพิ่มกำลังพล ในส่วนที่พิจารณาออกใบอนุญาตที่ยื่นขอเป็นจำนวนมาก เมื่อเพิ่มคนและกระบวนการตรวจสอบ ก็จะเป็นที่ยอมรับของไอเคโอ องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย ซึ่งส่วนหนึ่งจะเห็นว่า ประเทศไทยมีคณะทำงานตรวจวิเคราะห์อุบัติเหตุมานานแล้ว แต่เหมือนซ่อนอยู่ใน บพ.ยังไม่มีบทบาทชัดเจน ก็จะนำมาอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งจะทำให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากลด้วย

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม จะตั้งคณะกรรมการอำนวยการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรองประธาน เพื่อดูภาพรวมทั้งหมด และรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบทุกสัปดาห์ และรายงานผลให้ไอเคโอ ทราบทุก 2 สัปดาห์ คือ ทุก 15 วัน จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังสถานทูตทั่วโลก ที่มีสายการบินของไทย ทำการบินอยู่เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นเครือข่ายชี้แจงทำความเข้าใจกับหน่วยที่ควบคุมการบินทั่วโลก และช่วยผ่อนคลายปัญหาที่เกิดขึ้น หากมีปัญหาอะไรสถานทูตจะได้รับทราบเพื่อแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน จะส่งทีมงานอย่างน้อย 3 ชุด ชุดของกระทรวงคมนาคม บพ.ส่วนหนึ่งอาจจะของการบินไทย และสายการบินอื่นๆ ร่วมไปทำความเข้าใจกับองค์กรการบินพลเรือนของแต่ละประเทศด้วย

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26-27 มีนาคม ที่ผ่านมา บพ.ได้ไปชี้แจงญี่ปุ่น และอีก 2-3 วัน จะไปที่เกาลีใต้ ตามด้วยจีน ออสเตรเลีย และเยอรมัน ซึ่งจะเป็นลอตแรกที่จะไปเจอทำความเข้าใจ จากนั้นก็จะมีลอตที่ 2 และ3 ต่อไป นอกจากนี้ จะปรับกรมการบินพลเรือน เป็นกรมการขนส่งทางอากาศ เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น

นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก บพ. หลังหารือกับกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น (เจซีเอบี) ซึ่งทางญี่ปุ่นได้รับทราบปัญหาดังกล่าวและแจ้งว่า จะพยายามหาทางบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ขอไทยอย่าคาดหวังมาก เนื่องจากตามกฎหมายของญี่ปุ่น เมื่อประเทศไหนถูกตรวจสอบข้อบกพร่องญี่ปุ่นจะไม่มีการพิจารณาเพิ่มเที่ยวบิน เปลี่ยนแบบอากาศยาน หรือ เพิ่มทำการบินไปยังจุดหมายใหม่ๆ ได้ อย่างที่ญี่ปุ่นเคยปฏิบัติกับอินเดีย และฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นและไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด และความต้องการเดินทางระหว่างผู้โดยสารไทยและญี่ปุ่นมากขึ้น จึงจะมีการจัดการยึดหยุ่นมากกว่ากรณีอื่นๆ แต่เนื่องจากพบความบกพร่องด้านความปลอดภัยของไทย จึงต้องดำเนินการให้พลเมืองญี่ปุ่นมั่นใจได้ว่า สายการบินของไทยมีความปลอดภัย จึงต้องเตรียมการเป็นพิเศษ ซึ่งทางญี่ปุ่น ต้องการทราบแผนการแก้ไขข้อบกพร่องของไทย โดยสายการบินแบบประจำญี่ปุ่นมีข้อมูลด้านความปลอดภัยอย่างเพียงพอ แต่สายการบินใหม่ทางญี่ปุ่น จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าปลอดภัย.



ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 31 มี.ค. 2558