เอกชนหนุนฝีมือรัฐบาลท็อปบู๊ต

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

เอกชนหนุนฝีมือรัฐบาลท็อปบู๊ต

Post by brid.ladawan »

เอกชนหนุนฝีมือรัฐบาลท็อปบู๊ต

แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ได้ทำให้ชีวิตจากหลังมือไปเป็นหน้ามือซะทีเดียว แต่อย่างน้อยการที่ต้องเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ เริ่มลดน้อยถดถอยลงไปบ้าง


ชาวบ้านจี้เร่งสางปัญหาปากท้อง

เชื่อว่า...กว่า 3 ชม. กับการแถลงผลงานของรัฐบาล “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในรอบ 6 เดือนเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาคงทำให้คนไทยทั้งประเทศกลับไปนั่งคิดทบทวนว่า การบริหารประเทศกว่า 200 วันของ “บิ๊กตู่” ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองดีขึ้นมากน้อยอย่างไร?

แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ได้ทำให้ชีวิตจากหลังมือไปเป็นหน้ามือซะทีเดียว แต่อย่างน้อยการที่ต้องเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ เริ่มลดน้อยถดถอยลงไปบ้าง การทำมาหากินเริ่มสะดวกคล่องตัวเพราะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นจากเดิมที่เคยติดลบก็กลับกลายเป็นบวกเติบโตได้มากขึ้นโดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปี 58 ที่รัฐบาลการันตีว่ามีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 3% และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มเป็น 4% ในไตรมาสที่สอง

ทั้งหลายทั้งปวง...จะเป็นไปตามที่รัฐบาลการันตีไว้หรือไม่คงต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือทั้งหมดต่อไป แต่ ณ เวลานี้คนไทยพอใจกับแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลมากน้อยอย่างไร “ทีมเศรษฐกิจเดลินิวส์” ขอรวบรวมความเห็นบางส่วนมานำเสนอเพื่อสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาลต่อไป

***แก้ลำบากเพราะเศรษฐกิจชะลอ

“ศิริกัญญา ตันสกุล” ผู้จัดการฝ่ายวิจัย มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา บอกว่า ผลงานของรัฐบาลกับความพยายามแก้ปัญหาบ้านเมืองในระยะสั้น ยังไม่โดนใจแม้ได้พยายามแก้ปัญหาหลายอย่าง แต่เหมือนกับ “เกาไม่ถูกที่คัน” โดยเฉพาะเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่อาจทำได้ไม่ดีนักเพราะอาจติดที่กลไกบางอย่างของรัฐ แต่น่าเห็นใจเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้อาจเป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่แก้ได้ลำบาก ขณะที่การเร่งรัดการเบิกจ่าย เชื่อว่ายังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะมีปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติหลายขั้นตอน

ส่วนในระยะยาว หลาย ๆ แนวทางที่รัฐบาลวางรากฐานเอาไว้เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำถือเป็นแนวทางที่ดีที่ควรทำ เช่น การผลักดันกองทุนการออมแห่งชาติและการดูแลเด็กขั้นปฐมวัย เช่นเดียวกับเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งระบบแม้ว่าบางรายการอาจส่งผลกระทบและชะลอออกไปแต่ในอนาคตการทำเรื่องนี้ถือว่าหนีไม่พ้นต้องปรับอยู่ดี ขณะที่ภาคการเกษตรรัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์ของราคาพืชผลทางการเกษตรอย่างใกล้ชิดและหาแนวทางรับมือที่ถูกต้องและเป็นแนวทางที่ไม่สร้างภาระต่องบประมาณ

***สางคอร์รัปชั่นคืบเพียง30%

“ธิปไตย แสละวงศ์” นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เห็นว่า ผลการดำเนินงานของรัฐบาลด้านการออกมาตรการควบคุมคอร์รัปชั่นมีคืบหน้าเฉลี่ยเพียง 30% เท่านั้น โดยการออกมาตรการเพื่อควบคุมดุลพินิจคืบหน้า 33% โดยมีการออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 มาเพียงมาตรการเดียว ขณะที่ควบคุมการใช้เงินแผ่นดินคืบหน้า 30% มีการผลักดันข้อตกลงคุณธรรมออกมาแล้ว ส่วนควบคุมอำนาจผูกขาดคืบหน้า 25% และเพิ่มต้นทุนและความเสี่ยงต่อพฤติกรรมคอร์รัปชั่นคืบหน้า 35%

“การออกกฎหมายช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล จากที่เสนอไป 23 มาตรการย่อย พบว่ามีเพียง 1 มาตรการเท่านั้น ที่จัดทำเป็นกฎหมายและมีผลบังคับใช้แล้ว 2 มาตรการยังเป็นโครงการนำร่องคือ ข้อตกลงคุณธรรมที่นำร่องใช้กับโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีและโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนอีก 7 มาตรการอยู่ระหว่างดำเนินการ ที่ต้องรอการผลักดัน อีก 9 มาตรการมีทิศทางว่าน่าจะออกมาเป็นรูปธรรมได้ และมี 4 มาตรการยังไม่มีทิศทางการดำเนินการใด ๆ”

***เอกชนให้ผลงาน 8 คะแนน

“เจน นำชัยสิริ” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ขอให้คะแนนผลงานรัฐบาล 8 คะแนนเต็ม 10 คะแนน อีก 2 คะแนนที่ต้องการขอให้เดินหน้าแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่องเพราะถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอย่างมาก ขณะนี้ก็เริ่มมีจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วและยังอยากให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงร่วมมือทำงานกันมากกว่านี้เหมือนตอนเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาให้ไหลลื่น ส่วนการทำงานของนายกรัฐมนตรี มองว่า จากภูมิหลังที่เป็นทหาร ทำได้ขนาดนี้ ถือว่าดีแล้วโดยเฉพาะการรักษาความสงบเรียบร้อย

สำหรับกระทรวงเศรษฐกิจที่ทำงานเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือ กระทรวงอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการขอใบอนุญาตต่าง ๆ รวดเร็ว เนื่องจากมีการอำนวยความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งมีการหารือร่วมมือกับภาคเอกชนมากขึ้น จากที่ผ่านมา พบว่าการทำงานมีปัญหาติดขัดล่าช้าหลายเรื่อง ส่วนกระทรวงพาณิชย์ การทำงานยังเป็นรูปแบบเดิม ๆ คือขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้า หรือในภาคส่งออกก็พาผู้ประกอบการไปออกบูธต่างประเทศเท่านั้น ไม่มีรูปแบบใหม่

***ชี้รัฐบาลชุดนี้ตั้งใจทำงาน

“นพพร เทพสิทธา” ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ ไทย มองว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการทำงาน และมีการทำงานรวดเร็วในหลาย ๆ ด้านและยังช่วยทำให้บรรยากาศการเมืองของประเทศ ไทยดีขึ้นส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามด้วย รวมถึงการออกกฎและการแก้กฎหมายต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน และการปราบปรามเรื่องยาเสพติด การพนันต่าง ๆ ก็ทำได้ดีมาก ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจต้องยอมรับว่าขณะนี้เจอปัญหาชะลอตัวของเศรษฐกิจของโลกที่ทำให้ประเทศได้รับผลกระทบโดยตรงหลายด้านตั้งแต่เรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยว เบื้องต้นทางสภาต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาระยะสั้นบ้าง เช่น ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การดูแลค่าเงินบาทที่แข็งตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกและการแก้ปัญหาเรื่องของราคาสินค้าเกษตร

ส่วนระยะยาวนั้นสภาผู้ส่งออกต้องการเสนอให้พัฒนาสินค้าและบริการไทยอย่างน้อย 30 รายการให้สามารถส่งออกสินค้าติดอันดับ 1 ใน 5 ในตลาดโลกเพื่อสร้างความยั่งยืนรวมถึงการทำยุทธศาสตร์การค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยป้องกันปัญหาการเจอวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น

***ขันนอตแก้ปัญหาท่องเที่ยว

“ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภาย ในประเทศ หรือ สทน. แนะว่า การทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการขับเคลื่อนแผนงานเชิงนโยบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ที่ต้องผลักดันให้ไทยเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวคุณภาพ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงปัญหาทัวร์ไม่มีคุณภาพหรือทัวร์ศูนย์เหรียญก็ยังไม่หมดไป และสิ่งที่ต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนต้องการเห็นทุกหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกันมากขึ้น

นอกจากนี้ ด้านการวางนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีนโยบายที่ชัดเจนมากกว่านี้ ทั้งการประชาสัมพันธ์และการทำการตลาด เพื่อช่วยส่งเสริมให้การท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้น

“การทำงานของกระทรวงประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา จากคะแนนเต็ม 10 ผมให้ผ่านครึ่ง เพราะนโยบายที่ต้องการจะทำยังไม่ชัดเจนนักและหลังจากนี้สิ่งที่อยากเห็นในช่วงที่รัฐบาลนี้ยังทำงานครบวาระนั่นคือการวางรากฐานระบบข้าราชการ ภายในกระทรวงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพข้าราชการในแต่ละสายงานปฏิบัติหน้าที่การทำงานได้อย่างตรงสายงานอย่างแท้จริง เพื่อให้ในอนาคตระบบการทำงานของราชการปราศจากการเมืองเข้ามาแทรกแซง”

***เชื่อมั่นนายกฯบิ๊กตู่จริงใจ

“วรวรรณ ธาราภูมิ” ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประเมินว่าในภาพรวมการทำงานของรัฐบาลถือว่าสอบผ่านได้ดีมาก วัดเป็นคะแนนจะให้ 7.5 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเองให้ถึง 8 คะแนน เพราะนายกฯ เป็นคนจริงใจและการเจรจากับต่างประเทศอยู่ในระดับดีมากโดยสถานะของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่จึงทำให้มีปัจจัยรอบด้านเข้ากดดัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ในมุมมองของคนทั่วไปเห็นว่าไม่ฟื้นตัว แต่ส่วนตัวไม่โทษการทำงานของรัฐบาลเพราะทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความจริงเนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกย่ำแย่จริง

ขณะเดียวกันประเทศไทยยังมีปัญหาเศรษฐกิจต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อนที่ใช้นโยบายประชานิยมจนทำให้เป็นหนี้โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวที่เดินหน้าแบบไม่ฟังคำทักท้วงจึงเป็นผลพวงมาถึงปัจจุบัน รวมทั้งระบบราชการที่มีความล่าช้าเป็นปัญหาเรื้อรังที่เริ่มส่งผลกระทบแรงขึ้นจึงควรปฏิรูปทั้งระบบให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนด้วย อย่างไรก็ตามตลาดทุนไม่ต้องการขออะไรจากรัฐบาลเพียงแต่อยากให้มีความชัดเจนในด้านเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อนำมากำหนดแผนงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

***ต้องช่วยชาวบ้านอยู่ดีกินดี

“พรชัย คุณทรัพย์สถิต” มนุษย์เงินเดือนประจำออฟฟิศ บอกว่าผมทำงานออฟฟิศเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ไม่มีปัญหาเรื่องรายได้อะไรเพราะมีเข้ามาแน่นอนทุก ๆ เดือน แต่ในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยเวลานี้ ยอมรับว่าไม่ค่อยเหมือนเดิมเพราะเท่าที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเห็นว่าตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเราไม่ดีทั้งเรื่องข้าวของแพง การลงทุนจากต่างประเทศไม่ค่อยเข้ามา การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่ได้ผลและยังมีความขัดแย้งทางการเมืองซ้อนอยู่ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ผมเลยเลือกที่จะประหยัด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นไว้ก่อน และพยายามเก็บออมมากขึ้นเพราะไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

สิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลเร่งทำคือมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก่อนเรื่องการเมืองเอาไว้ทีหลัง และหากทีมเศรษฐกิจในชุดปัจจุบันยังไม่ดีก็ควรหาคนเก่งเข้ามาช่วยเพิ่ม เพราะตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจริง ๆ ไม่ใช่แค่ผมรู้สึกอย่างร้านค้าที่รู้จักหลายแห่งก็บ่นขายของไม่ดีทำมาหากินยาก สำหรับแนวทางแก้ไขก็อยากให้รัฐเร่งทำนโยบายอะไรออกมาก็ได้ที่ช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ให้ “อยู่ดีกินดี” ไม่ต้องคิดนโยบายที่ซับซ้อนวุ่นวายอย่างเช่นเศรษฐกิจไม่ดีต้องไปหาเงินเข้าคลังเพิ่มเลยผลักภาระหาทางเก็บภาษีขูดรีดประชาชนแทน ทำแบบนี้ผมไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการซ้ำเติมชาวบ้านให้แย่ลงอีก

***จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาปากท้อง

“สมโพด จันทร์แจ่ม” อาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ช่วงตลาดนัดโรงท่อ-หมู่บ้านเศรษฐกิจเขตบางแค บอกว่า สำหรับการดำเนินงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมาส่วนตัวแล้วเห็นว่า รัฐบาลสามารถทำหน้าที่ได้ดี ทั้งการดูแลประเทศ โดยเฉพาะจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมถึงการปฏิรูปราคาพลังงานที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลง ส่งผลดีต่อการประกอบอาชีพในแต่ละวัน เพราะการที่รัฐบาลช่วยลดต้นทุนของราคาน้ำมันให้ปรับลดลง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและนำเงินไปดูแลครอบครัวได้ดีกว่าเดิม

“อยากให้รัฐบาลใส่ใจในการดูแลปัญหาปากท้องของประชาชน ชาวบ้าน คนยากจนให้มากขึ้น เพราะการประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ ที่มีรายได้ไม่แน่นอน จึงอยากให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือมากกว่านี้ เนื่องจากคนยากจนจะได้รับโอกาสน้อยและความช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง”

ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐบาลปรับปรุงและจัดการระบบราชการและการดำเนินงานโรงพยาบาลของรัฐ ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมาการเข้าไปรักษาพยาบาลแต่ละครั้ง ไม่ได้รับการดูแลที่ดี เจ้าหน้าที่ของรัฐควรเข้าหาประชาชนมากกว่าให้ประชาชนเดินเข้าหาและไม่ได้รับการดูแล

ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นของคนไทยบางกลุ่มบางส่วนที่สะท้อนความรู้สึกอย่างแท้จริงต่อการทำงานของรัฐบาล “บิ๊กตู่” หรือรัฐบาลท็อปบู๊ตและยังคงหวังที่จะเห็นอนาคตที่สดใส โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพงให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม!!.

ทีมเศรษฐกิจ

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 20 เมษายน 2558
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”