แก้ปัญหามะเร็งสมองในเด็ก มีทางออก

[brid.ladawan]

แก้ปัญหามะเร็งสมองในเด็ก มีทางออก


แก้ปัญหามะเร็งสมองในเด็ก มีทางออก
รศ.ดร.ภญ.นุศราพร เกษสมบูรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
จากที่เป็นข่าวครึกโครมในช่วงที่ผ่านมาว่า พ่อแม่ของน้องไอนส์ เด็กหญิงวัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง ตัดสินนำร่างลูกสาวแช่แข็ง และหวังว่าอนาคตจะมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า สามารถชุบชีวิตลูกสาวคืนมาได้อีกครั้งนั้น มีมุมอื่นๆที่สังคมควรรับรู้ เพราะหนึ่งในสาเหตุของโรคมะเร็งสมองคือ สารเคมี

ปัญหานี้แพร่กระจายไปทั่วโลก ตามการขยายตัวของการใช้สารเคมีทั้งในการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้น

รวมทั้งที่สหรัฐอเมริกา คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แต่งตั้งขึ้น เสนอแนะว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ การควบคุมเรื่องสารเคมีอย่างเข้มงวด

เพราะมีข้อมูลหลักฐานจากงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าสารเคมีเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอย่างน้อย 13 ชนิด ได้แก่ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งไต มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไขกระดูก มะเร็งลูกอัณฑะ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ และแน่นอนว่า โรคมะเร็งสมองก็เป็นหนึ่งในนั้น (Reuben SH. Reducing Environmental Cancer Risk: What We Can Do Now. The President’s Cancer Panel 2008-2009 Report. April 2010)

แต่สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มีความอ่อนแอในการควบคุมสารเคมี ที่ประเทศต่างๆไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง

คนสหรัฐเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ป่วยเป็นโรคมะเร็งมากถึง ปีละ 1.5 ล้านคน และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงถึง ปีละ 562,000 คน หากไม่เสียชีวิตจากโรคอื่นๆ ผู้หญิง 1 ใน 3 จะเป็นโรคมะเร็ง ผู้ชาย 1 ใน 2 จะเป็นโรคมะเร็ง

ที่น่าตกใจอย่างมาก คือ ไม่ใช่เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่เดือดร้อน เด็กๆ คนที่จะดูแลประเทศในอนาคต ยังตกเป็นเหยื่อของความอำมหิตแฝงเร้นนี้ด้วย

เด็กอเมริกันเป็นมะเร็งสมองเพิ่มขึ้น 57% เด็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น 84% เป็นโรครูท่อปัสสาวะเปิดต่ำ เพิ่มขึ้น 200 % เป็นออติสติก เพิ่มขึ้น 3,000 % ฯลฯ

มีการวิจัยโดยการเจาะเลือดจากสะดือของทารก พบสารเคมีถึง 287 ชนิด ทั้งสารเคมีที่ทราบกันดีว่า ก่อมะเร็ง ทำให้พิการแต่กำเนิด รบกวนระบบต่อไร้ท่อ เป็นพิษต่อภูมิคุ้มกัน เป็นพิษต่อระบบประสาท

ในช่วงเวลา 25 ปี ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกามีการสั่งยกเลิกการขึ้นทะเบียนห้ามใช้และห้ามจำหน่ายสารเคมีเพียง 5 ชนิด ในขณะที่หลายประเทศแถบยุโรปยกเลิกการใช้ไปแล้วถึงร้อยละ 40

จนมีวุฒิสมาชิก แฟรงค์ ลอเทนเบิร์ก และเครือข่ายภาคประชาชน เสนอกฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพเด็ก ชื่อ Kid Safe Chemical Bill ซึ่งมีหลักการว่า ก่อนอนุญาตให้สารเคมีชนิดใดขึ้นทะเบียน ต้องมั่นใจว่าปลอดภัยต่อเด็กและคนที่เปราะบาง โดยมีสมมติฐานไว้ก่อนว่า สารเคมีทุกชนิดไม่ปลอดภัย จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าปลอดภัย ต้องทดสอบดูที่พิษและการตรวจพบในคน

ถ้าพบในเลือดจากสะดือเด็กแรกคลอด ถือว่าไม่ปลอดภัย ไม่ต้องรอให้คนเป็นมะเร็งแล้วค่อยมาออกคำสั่งห้ามใช้หรือถอนทะเบียน ซึ่งจะช้าไปเสียแล้ว

คนไทยและเด็กไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งจำนวนมาก จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งแล้วในขณะนี้

ความพยายามของหลายฝ่ายที่เรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบยกเลิกการขึ้นทะเบียนสารเคมีอันตรายก็ประสบกับความยากลำบากมาก (www.thaipan.org)

เป็นสิ่งที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเรียกร้องและผลักดันให้ประเทศไทยมีความปลอดภัยจากสารเคมี

คำตอบสุดท้าย
ประเทศไทยจะต้องแช่แข็งสารเคมี ถ้ายังอยากเห็นอนาคตของชาติและคนรุ่นต่อไป


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 28 เมษายน 2558