เชคพอยต์ส่ง “Threat Extraction” ดันยอดโตปีนี้ 40%

[brid.ladawan]

เชคพอยต์ส่ง “Threat Extraction” ดันยอดโตปีนี้ 40%

เชคพอยต์ส่ง “Threat Extraction” ดันยอดโตปีนี้ 40%
เชคพอยต์ เผยปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในเมืองไทย เหตุลูกค้าพบภัยคุกคามจำนวนมาก ล่าสุด เปิดตัว Check Point Threat Extractionโซลูชันสร้างความมั่นใจในการจัดส่งเอกสารผ่านเครือข่ายการันตีปลอดมัลแวร์ 100% เจาะตลาดธนาคาร และสถาบันการเงิน หวังดันยอดการเติบโตในปีนี้ 40% ชี้ตลาดเน็ตเวิร์กซิเคียวริตีเมืองไทยเติบโตขึ้น 30% ทุกปี เพราะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายดาร์ริก ฮอร์ (คนซ้าย) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียใต้ บริษัท เชค พอยต์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา เชคพอยต์ประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยพอสมควร เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ล้วนประสบปัญหาต่อภัยคุกตามต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเชคพอยต์สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยโซลูชันที่สามารถป้องกัน และกำจัดภัยคุกคามเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน ตลาดเน็ตเวิร์กซิเคียวริตีในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเชคพอยต์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่ 2 และคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เชคพอยต์ ให้ความสำคัญต่อเมืองไทยเป็นลำดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะยังมีระบบการปกป้องความปลอดภัยด้านเน็ตเวิร์กของไทยยังไม่ได้รับความสนใจที่ดีเพียงพอ ล่าสุด เชคพอยต์ เปิดตัว Check Point Threat Extraction โซลูชันรักษาความปลอดภัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจในการจัดส่งเอกสารผ่านเครือข่ายจะปราศจากมัลแวร์ 100% โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นธนาคาร และสถาบันการเงิน ภาครัฐ และเอสเอ็มอี

“ตลาดเน็ตเวิร์กซิเคียวริตีในเมืองไทยโตประมาณ 30% ทุกปี เพราะโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจต่างๆ มีความจำเป็นต้องนำระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปใช้ในการปกป้องข้อมูลขององค์กร โดยเชคพอยต์ มีผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย Network Security, Threat Prevention, Mobile Security และ Virtualized/Cloud และในปีนี้เชคพอยต์จะมีการขยายทีมและการลงทุนด้านบุคลากรในภูมิภาคนี้ประมาณ 45% ปัจจุบัน ทำตลาดผ่านพาร์ตเนอร์ 100% ผ่านทั้งดิสทริบิวเตอร์ และเอสไอรายหลักในประเทศประมาณ 10 ราย”

นายดาร์ริก กล่าวว่า รายงานด้านความปลอดภัย ประจำปี 2557 ของเชคพอยต์ พบว่า 84% ของบริษัททำการดาวน์โหลดเอกสารที่ติดมัลแวร์ในปี 2556 บริษัทเหล่านี้จึงจำเป็นต้องใช้แนวทางป้องกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามเหล่านี้ และมีการสร้างเอกสารขึ้นใหม่ด้วยองค์ประกอบที่ปลอดภัย ซึ่งเนื้อหาที่ใช้งานออปเจกต์ที่ฝังตัวในเอกสาร และเนื้อหาอื่นๆ ที่อาจจะมีช่องโหว่จะถูกแยกออกจากกัน จากนั้นระบบจะสร้างเอกสารขึ้นใหม่โดยไม่ให้มีภัยคุกคามหลงเหลืออยู่

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพีดีเอฟ เวิร์ด หรือแม้แต่เพาเวอร์พอยนต์ ที่เป็นเอกสารที่ใช้งานในออฟฟิศ ล้วนแต่เป็นช่องทางในการฝังโค้ดทั้งนั้น โซลูชันใหม่นี้จะสามารถดึงมัลแวร์ต่างๆ ออกจากเอกสารก่อนที่จะส่ง และปัจจุบันแฮกเกอร์ไม่ได้ทำงานเป็นทีม แต่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในบางประเทศที่ต้องการเข้าไปเจาะ หรือทำลายข้อมูลของประเทศคู่แข่ง ทำให้แฮกเกอร์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับในปัจจุบันภัยคุกคามถาวรขั้นสูง มัลแวร์ และภัยคุกคามที่พัฒนาขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องได้รับการป้องกันในเชิงรุกให้แก่ระบบเครือข่ายองค์กร


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 1 พฤษภาคม 2558