เคล็ดลับ′กิน′อย่างไรให้ชีวิตยืนยาว

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

เคล็ดลับ′กิน′อย่างไรให้ชีวิตยืนยาว

Post by brid.ladawan »

เคล็ดลับ′กิน′อย่างไรให้ชีวิตยืนยาว

เคล็ดลับกินอย่างไรให้ชีวิตยืนยาว

คอลัมน์ กินกันโรค
เรื่อง - เจษฎา พาชิม ภาพ - ชุมพล บัวแย้ม


http://www.matichon.co.th/online/2015/0 ... 93915l.jpg

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารการกินแล้วก็อดเปรี้ยวปากไม่ได้ จนช่วงหลังน้ำหนักผมพุ่งขึ้นจนหยุดเกือบไม่อยู่ โชคดีที่กลับมาบาลานซ์การกิน ร่วมกับการออกกำลังกายทำให้ได้น้ำหนักเดิมกลับคืนมา

ใช่แล้วครับผมอยากบอกว่า กินอย่างไรได้อย่างนั้น กินมากก็อ้วนมาก กินน้อยก็ขาดสารอาหาร ทางสายกลางดีที่สุดครับ โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารที่ดี ที่ทุกคนจำเป็นควรหันมาใส่ใจ และให้ความสำคัญ เพื่อสุขภาพทีดีของเรา

แต่จะให้ผมยืนยันคนเดียวหลายคนอาจไม่เชื่อ วันก่อน ดร.กมล ไชยสิทธิ์ นักกำหนดอาหารวิชาชีพและนักเภสัชวิทยา ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (Vitallife) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้เล่าสู่กันฟังถึงเคล็ดลับการกินที่ส่งผลต่อสุขภาพ รวมทั้งการทำให้ชีวิตยืนยาว ซึ่งที่ ดร.กมล บอกก็คือเราควรทานทุกอย่าง เพราะความหลากหลายของอาหารนั้นดีกับร่างกายของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราควรแยกประเภทอาหารที่เราควรทานเป็นประจำกับอาหารที่ทานได้บ้างเป็นครั้งคราว

เรื่องการบริโภคให้เหมาะสมกับร่างกายเป็นเรื่องที่ท้าทาย คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องลดการดูดซึมของพลังงานอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเราลดการดูดซึมของแครอลลี่ในขณะที่เรายังรักษาสารอาหารที่เราทานเข้าไปให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ ทำให้เรามีชีวิตยืนยาว ดูอ่อนเยาว์ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

ตัวอย่างที่ดีที่สุดในการบริโภคอาหารอย่างสมดุลคือชาวเมืองโอกินาวา เมืองที่มีอัตราประชากรที่อายุยืนที่สุดในโลก ของญี่ปุ่น ที่มีทั้งการเลือกบริโภคที่ให้ทั้งสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว ชาวโอกินาวานิยมรับประทานอาหารที่มีผักเป็นหลัก ทั้งผักสีเขียว สีเหลืองและพืชผักจำพวกถั่ว ส่วนข้าว ปลา และเนื้อสัตว์จะทานในปริมาณน้อย น้ำตาลก็ต้องน้อยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าความหวานนี่แหละต่ออันตรายต่อเซลล์ และตัวกระตุ้นอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยม

ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำว่า ร่างกายเราต้องการน้ำตาลในปริมาณ 6 ช้อนต่อวัน ซึ่งในการวัดปริมาณบริโภคจะทำได้ง่ายขึ้นเป็นเรื่องง่ายถ้าเราทำอาหารทานเอง แต่ต้องยอมรับว่าเราทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นโดยเฉพาะอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตพร้อมรับประทานซึ่งมีปริมาณน้ำตาลอยู่มาก รวมไปอาหารที่เน้นน้ำตาลเป็นหลัก เช่น ไอศกรีม น้ำอัดลม คุ๊กกี้ รวมไปถึง เครื่องดื่มให้พลังงาน โยเกิร์ต อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน และขนมปัง

นอกจากนี้ ยังมีรายงานมากมายว่าการบริโภคน้ำตาลจำนวนมากทำให้เพิ่มอัตราการเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน นอกจากนี้ยังเพิ่มอัตราการเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งอีกด้วย

ดร.กมล บอกอีกว่า ทุกคนควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ อย่างจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แนะนำว่าควรเลือกทานกลุ่มธัญพืชอย่างเช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้องหรือพาสต้า ขนมปังธัญพืช เมล็ดควินหวา และข้าวสาลี อาหารตระกูลแป้งจำพวกนี้ มีไฟเบอร์สูงซึ่งร่างกายเราจะดูดซึมได้ช้า ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในตัวเราไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

น้ำมันมะกอกนับเป็นสุดยอดของไขมันดี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการอักเสบต่างๆ การรับประทานน้ำมันมะกอกให้ได้ประโยชน์มากที่สุดคือทำน้ำสลัดหรือนำไปใช้ทอดอาหารในอุณภูมิต่ำ นอกจากนี้ยังมี น้ำมันเมล็ดชา (ได้จากชาเขียว) ซึ่งก็มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการอักเสบเช่นกัน ส่วนน้ำมันที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 อย่างน้ำมันงาขี้ม้อน ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว

สำหรับการทำอาหารทานเอง ดร.กมลแนะนำว่า ให้สับกระเทียมทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนนำลงไปผัดในกระทะ เพื่อให้กระเทียมได้สร้างสารอัลลิซินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลอคลอเรสเตอรอลได้อย่างเต็มที่ ควรรับประทานผักให้หลากสี ซึ่งรวมไปถึงสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน และสีอื่นๆ ผสมกัน ซึ่งมื้ออาหารที่ดีที่สุดควรประกอบไปด้วย ผัก 50 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์ และแป้ง 25 เปอร์เซ็นต์

นักโภชนาการหลายท่านแนะนำว่าอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนดีต่อสุขภาพมากที่สุด ซึ่งได้แก่ ผลไม้ ผัก พืชตระกูลถั่ว น้ำมันมะกอก และเนื้อสัตว์จำพวกปลาเป็นหลัก นอกจากนี้ อาหารไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นกัน เพราะมีส่วนผสมของผักสดหลากหลายชนิด เครื่องเทศต่างๆ อีกทั้งผลไม้และสมุนไพรอย่างเช่น ผักชี ใบกระเพรา ขิง และกระเทียม อย่างไรก็ดีเราควรจำกัดปริมาณการใช้น้ำมัน กะทิ และน้ำตาลให้อยู่ในจำนวนน้อย

ที่สำคัญเราควรทานอาหารเช้าภายใน 1 ชม.หลังจากตื่นนอน จากนั้นควรรอซัก 3-4 ชั่วโมง เพื่อทานมื้อกลางวันซึ่งเป็นมื้อที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ ส่วนมื้อเย็นควรทานหลังจากมื้อกลางวันประมาณ 6 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับให้เลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและโปรตีนต่ำในมื้อเย็น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์กับมื้ออาหาร หากคุณดื่มไวน์แดง 1 แก้วต่อวันก็จะสามารถช่วยบำรุงสุขภาพได้เช่นกัน เพราะไวน์แดงอุดมไปด้วยสารเรสเวอราทรอล ที่ช่วยลดอาการหลอดเลือดอุดตัน ช่วยลดการอักเสบและลดคอเรสเตอรอล

เคล็ดลับนี้ น่าจะลองทำดูนะครับ ผมว่าน่าจะสุขภาพดี และอายุยืนอย่างที่ ดร.กมลบอก


ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 05 พฤษภาคม 2558
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”