“คลัง” มั่นใจ ศก. ปีนี้ไม่หลุดเป้า 3.7% ส่งออกไม่ติดลบ ห่วงภ

[brid.ladawan]

“คลัง” มั่นใจ ศก. ปีนี้ไม่หลุดเป้า 3.7% ส่งออกไม่ติดลบ ห่วงภาคเกษตรอาการโคม่า

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“คลัง” มั่นใจ ศก. ปีนี้ไม่หลุดเป้า 3.7% ส่งออกไม่ติดลบ ห่วงภาคเกษตรอาการโคม่า


ผอ. สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. ยังเชื่อปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.7% ส่งออกไม่หลุดโผ 0.2% เผยด้านท่องเที่ยว-เบิกจ่ายงบฯ เป็นตัวหนุน ยอมรับเงินบาทที่อ่อนค่าในตอนนี้มีบทบาทในการส่งเสริมภาคการส่งออกได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะยังต้องติดตามเรื่องกำลังซื้อของตลาดโลกว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร ลั่นเรื่องกำลังซื้อน่าจะสำคัญ และมีน้ำหนักกว่าเงินบาทอ่อน พร้อมห่วงภาคเกษตรอาการยังน่าเป็นห่วง

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมองว่าปี 58 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.7 โดยมีปัจจัยจากการท่องเที่ยวเป็นหลักที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในไทย 29.4 ล้านคน ส่งผลให้มีรายได้เข้ามาค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อน ดังนั้น หลังจากนี้ต้องติดตามการเบิกจ่ายของภาครัฐว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่

ขณะที่ภาคส่งออกของไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 0.2 แม้ช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.58) การส่งออกจะยังติดลบ แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้มีสัญญาณสนับสนุนที่จะช่วยให้การส่งออกฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการค้าในแถบชายแดน โดยเฉพาะกับเวียดนาม ซึ่งในเดือน เม.ย.พบว่า ขยายตัวถึงร้อยละ 12 และยังมีเครื่องชี้ว่าเศรษฐกิจในอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างดี

น.ส.กุลยา กล่าวด้วยว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าลงมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกได้บ้าง โดยมองว่าผู้ส่งออกที่ยังมีความสามารถในการส่งออก และใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักจะได้รับประโยชน์จากบาทอ่อนโดยตรง ขณะที่การชะลอตัวลงของราคาน้ำมันจะส่งผลดีต่อต้นทุนสินค้าให้ลดลง

“ยอมรับว่าบาทที่อ่อนค่าในตอนนี้มีบทบาทในการส่งเสริมภาคการส่งออกได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะยังต้องติดตามเรื่องกำลังซื้อของตลาดโลกว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร เรื่องกำลังซื้อน่าจะสำคัญ และมีน้ำหนักกว่าเงินบาทอ่อน” น.ส.กุลยา กล่าว

สำหรับแนวโน้มรายได้ภาคเกษตรในปีนี้มองว่ายังอยู่ในแดนลบ และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลดลงของรายได้ภาคเกษตรนี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราการบริโภคของภาคเอกชนให้ขยายตัวได้ไม่มาก โดยเรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากการจัดสรรงบประมาณปี 2559 จำนวน 1.1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรโดยการส่งเสริมอาชีพ ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในภาคเกษตร ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้เกษตรกรมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตามหลักๆ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซ ซึ่งหากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีก็เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีขึ้น


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 28 พฤษภาคม 2558