โครงการ Safe Software, Safe Nation เป็นการรณรงค์ระดับชาติในการลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ที่เป็นการร่วมมือระหว่าง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพานิชย์, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ที่เกิดขึ้นตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวว่า "ไม่ซื้อ ไม่ใช้ และไม่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหานี้"
จากข้อมูลของทาง สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีบนโลกไซเบอร์ เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักของการถูกโจมตี ก็เกิดจากการที่ประชาชนและองค์กรธุรกิจต่างๆ ใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฏหมาย เสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ที่เรียกว่ามัลแวร์นั่นเอง โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยกว่าร้อยละ 71 ถูกติดตั้งด้วยซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงอยู่เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยเพียงร้อยละ 62 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในปี 2558 ที่ผ่านมานั้นมีการคุกคามของภัยไซเบอร์มากถึง 4,300 เหตุการณ์ด้วยกัน โดยร้อยละ 35 ถูกกระทำจากซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย (Malicious Software), ร้อยละ 26 เป็นเรื่องการหลอกให้โอนหรือชำระเงิน และร้อยละ 23 เป็นเรื่องของการเจาะเข้าสู่เครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
อาชญากรรมทางไซเบอร์ส่วนใหญ่มุ่งโจมตีองค์กรธุรกิจภาคเอกชน และมุ่งเป้าไปยังผู้ที่ทำธุรกรรมการเงินจำนวนมาก ทีไม่มีการควบคุมในเรื่องของซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในองค์กรถูกต้องตามกฏหมายและปลอดภัยหรือไม่ ทางธนาคารจึงต้องออกมาให้ข้อมูลลูกค้า ในการหยุดทำธุรกรรมออนไลน์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนและละเมิดลิขสิทธิ์
ด้านความเสี่ยงของการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เกิดจากอาชญากรไซเบอร์ได้ใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับการแก้ไขด้วยเครื่องมือช่วยอุดช่องโหว่ (Patch) หรือการอัพเดท - ซึ่งในซอฟต์แวร์ผิดกฏหมายแทบทั้งหมดจะไม่สามารถทำการอัพเดทได้ ทำให้ผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฏหมายมีความเสี่ยงในการพบกับภัยคุกคามสูง และไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือที่ถูกต้องตามกฏหมายจากผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย
โครงการ Safe Software, Safe Nation ถูกตั้งขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์หลักในการให้ความรู้ต่อประชาชนและองค์กรธุรกิจ ในการให้คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติสากลเรื่องการใช้และบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ เพื่อปกป้ององค์กรธุรกิจและประชาชนทั่วไปจากการถูกมัลแวร์โจมตี รวมทั้งภัยและความเสี่ยงอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา สร้างสิ่งแวดล้อมบนโลกไซเบอร์ที่ถูกกฏหมายและมีความมั่นคงปลอดภัย
ที่มา : http://news.thaiware.com/7680.html
11/03/2559