เคยได้ยินคำเตือนเรื่องกระจกมองข้างของรถยนต์ที่ว่า "วัตถุอาจอยู่ใกล้กว่าที่เราเห็นในกระจก" บ้างไหม? ในปีหน้านี้ มิตซูบิชิ ได้ตัดสินใจเปลี่ยนต้นแบบรถยนต์ ด้วยการทิ้งกระจกมองข้าง และแทนที่มันด้วยกล้อง 2 ตัว ตัวแรก คือด้านฝั่งคนขับ และอีกตัวสำหรับมองด้านหลัง
เทคโนโลยีที่ว่านี้ เปรียบได้กับการพัฒนา "สายตา" ของรถยนต์ ด้วย ระบบ Mirrorless ที่มิตซูบิชิให้ข้อมูลว่า จะใช้ AI ขั้นสูง ชื่อ Maisart ที่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างคนเดินเท้า กับยานพาหนะได้ รวมทั้งประเมินว่ารถคันไหนที่กำลังใกล้เข้ามา ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความปลอดภัยแก้ผู้ขับขี่ รวมไปถึงกล้องที่สามารถตรวจจับวัตถุได้ไกลถึง 100 เมตร ซึ่ง ระบบตรวจจับวัตถุ ที่ว่านี้มีความแม่นยำสูงถึง 81% และทางบริษัทฯ ก็ยังต้องการจะพัฒนาการทำงานของกล้องต่อไป เพื่อการทำงานที่ดีขึ้นในสภาพอากาศที่เลวร้าย, ช่วงเวลากลางคืน และบนถนนที่คดเคี้ยว
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ยังได้เสนอระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม คือการแสดงสัญลักษณ์บนพื้นเพื่อแจ้งให้ผู้ขับขี่และคนเดินเท้า ได้ทราบถึงการกระทำของผู้ขับขี่ อีกด้วย
จริงๆ แล้ว วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ได้มีการสร้างมาตรฐานรถยนต์ที่เปลี่ยนจากการใช้กระจกไปเป็นกล้อง Camera monitoring systems (CMS) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยค่อยๆ ตัดการใช้งานกระจกออกไปทีละส่วนๆ จนมาเป็นรถยนต์ไร้กระจกมองข้าง ที่ทางผู้ผลิตคาดการณ์ว่าจะปล่อยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2562
ที่มา : www.geek.com , futurism.com
20/01/2018 By Thaiware.com