ชัดเจนแล้วว่า 2017 เป็นปีที่โลกร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจาก NASA และหน่วยงาน National Oceanic Atmospheric Administration (NOAA) โดยข้อมูลจาก 2 แหล่งได้ผลสรุปออกมาใกล้เคียงกันว่า 2017 เป็นปีที่อุณหภูมิของโลกร้อนสุดติดอันดับ 2 และ 3 โดยนับจากปี 1880 และสาเหตุที่ข้อมูลจาก 2 แหล่งออกมาแตกต่างกัน เนื่องจากมีตัวแปรที่แตกต่างกันเล็กน้อยในการวัดอุณหภูมิของโลก
แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์มีจุดยืนร่วมกัน คือปี 2017 นั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อุณหภูมิโลกสูงขึ้นผิดปกติ และประเด็นที่น่าสนใจคือ Top 5 ของอันดับของปีที่อุณหภูมิโลกมีความร้อนสูงสุด นั้นล้วนเป็นปีที่อยู่หลังจากปี 2010 มันแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
จากสถิติที่เคยมีการบันทึกมานั้น 2016 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุด แต่นี่ก็ไม่ใช่ข่าวดี เนื่องจากปี 2017 นั้นระดับอุณหภูมิโลกก็ยังสูงเกินค่าเกณฑ์เฉลี่ย และจากข้อมูลนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องส่งสัญญาณเตือนอีกครั้งเกี่ยวกับแนวโน้มของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อสภาพอากาศของโลก และ NASA แถลงการณ์ว่า "ข้อมูลจากทั้ง 2 แหล่งยืนยันตรงกันว่า 5 อันดับปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั้นล้วนเกิดขึ้นหลังปี 2010"
คุณ Gavin Schmidt หัวหน้าของหน่วยงาน Goddard Institute for Space Studies ของ NASA กล่าวว่า "ถึงแม้จะมีบางส่วนของโลกที่อุณหภูมิต่ำกว่าที่อื่นๆ แต่เมื่อมองในภาพรวม อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าโลกของเราร้อนขึ้นอย่างสม่ำเสมอ"
คุณ Deke Arndt นักวิทยาศาสตร์จากหน่วยงาน NOAA กล่าวเสริมว่า "ระดับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี อาจมีการเด้งขึ้นเด้งลงเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว มันมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าโลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ"
สาเหตุที่การชีัวัดอุณหภูมิโลกจาก 2 หน่วยงานออกมาแตกต่างกัน เนื่องจากความแตกต่างในวิธีที่พวกเขาใช้ในการชี้วัดอุณหภูมิของทวีป Arctic หรือก็คือขั้วโลกเหนือนั่นเอง ซึ่ง Arctic เป็นภูมิภาคที่มีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิอย่างรวดเร็วมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
โดยจากข้อมูลของ NASA ระบุว่าปี 2017 อุณหภูมิโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1.6 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อเทียบกับสถิติอุณหภูมิในช่วงปี 1950 - 2000 ในขณะที่หน่วยงาน NOAA ระบุว่าอุณหภูมิโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1.5 องศาฟาเรนไฮต์
ที่มา : bgr.com
21/01/2018 By Thaiware.com