นี่คือเรื่องจริง... งานวิจัยชี้ ผู้หญิง สมองเฉียบคมกว่าผู้ชาย

Post Reply
brid.samanan
Posts: 578
Joined: 07 Aug 2017, 09:57

นี่คือเรื่องจริง... งานวิจัยชี้ ผู้หญิง สมองเฉียบคมกว่าผู้ชาย

Post by brid.samanan »

Image

นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสมองของผู้หญิง กับสมองของผู้ชาย นั่นคือสมองของผู้หญิงมีความอ่อนวัยกว่าของผู้ชาย

ซึ่งความแตกต่างในเรื่องความอ่อนวัยของสมองนี้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการรับรู้ หรือกระบวนการคิดของสมอง

และผลงานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่า สมองของผู้หญิงโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีความอ่อนวัยกว่าสมองของผู้ชายที่มีอายุเท่ากันถึงประมาณ 3 ปี (ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่อายุ 30 ปี แต่อายุขัยของสมองจะอยู่ที่ประมาณ 27 ปี เพราะสมองมีความเสื่อมสภาพน้อยกว่าเพศชาย) โดยอายุขัยของสมองนั้น พิจารณาจากอัตราการเผาผลาญสารอาหารของสมอง

ซึ่งความแตกต่างนี้ ทำให้สมองของผู้หญิงสามารถคงความฉลาดเฉียบแหลมได้ยาวนานกว่าผู้ชาย

โดยคุณ Manu Goyal นักประสาทวิทยา จากสถาบัน Mallinckrodt Institute of Radiology กล่าวว่า "พวกเราเริ่มจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างเพศที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องอายุขัยของสมอง ที่อาจส่งผลต่อความอ่อนแอของสมอง และทำให้เกิดโรคทางระบบประสาท และอัตราการเผาผลาญสารอาหารของสมอง อาจช่วยให้เราเข้าใจความแตกต่างระหว่างชายและหญิงในแต่ละช่วงวัย"

นักวิทยาศาสตร์ได้บทสรุปว่า การเปลี่ยนแปลงของยีนในสมองที่เป็นตัวชี้วัดอายุขัยนั้น เกิดชึ้นกับผู้ชายในอัตราที่เร็วกว่าผู้หญิง ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้าง และย่อยสลายโมเลกุลในสมองของเพศชายนั้นด้อยกว่าสมองของผู้หญิงในวัยเดียวกัน ซึ่งการค้นพบนี้ เป็นการวางรากฐานใหม่ในการศึกษาเรื่องอายุขัยของสมอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความสำคัญกับอัตราการเผาผลาญ กลูโคส (Glucose) ของสมอง ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่มีใครเคยให้ความสำคัญมาก่อน

เมื่อเราแก่ตัวลง รูปแบบการใช้งาน กลูโคส ของสมองจะเปลี่ยนไป โดยในวัยเด็ก กระบวนการเผาผลาญที่มีชื่อเรียกว่า Aerobic glycolysis นั้นมีอัตราที่สูง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง สอดคล้องกับการก่อตัวของจุดประสานประสาท (Synaptic) และการเจริญเติบโต

และกระบวนการเผาผลาญนี่เกิดความเสื่อมถอยลงเมื่อเราเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสมองของเรายังคงใช้สารอาหารน้ำตาล เพื่อการรับรู้ และกระบวนการคิด โดยที่กระบวนการ Aerobic glycolysis นั้นจะลดลงมาเหลืออยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ เมื่อเราก้าวเข้าสู่ช่วงวัย 60 ปี

Image
เครื่องสแกนแบบ PET

ขอบคุณภาพประกอบจาก Wikipedia

แต่อย่างไรก็ดี อายุขัยที่แท้จริงของสมองนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยงานวิจัยนี้พุ่งเป้าไปที่ประเด็นที่ว่า ความแตกต่างระหว่างเพศนั้น ส่งผลเรื่องความแตกต่างระหว่างอายุขัยที่แท้จริงของสมองหรือไม่? โดยทีมวิจัยได้ใช้เครื่องสแกนสมองแบบ Positron Emission Tomography (PET) ทำการสแกนสมองอาสาสมัคร 205 คน โดยแบ่งเป็นผู้หญิงจำนวน 121 คน ผู้ชาย 84 คน ในช่วงวัยตั้งแต่ 20 - 82 ปี

โดยทีมวิจัยตรวจสอบการไหลเวียนของออกซิเจน และกลูโคสในสมองของพวกเขา เพื่อกำหนดสัดส่วนของกลูโคสในการชี้วัดอัตราการเผาผลาญแบบ Aerobic glycolysis จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้จากการสแกน ไปส่งต่อให้ระบบสมองกลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อค้นหาความเกี่ยวข้องระหว่างอายุ และอัตราการเผาผลาญสารอาหารของสมอง

และด้วยวิธีการนี้ นักวิจัยได้ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อประมาณการอายุของเพศหญิงโดยอิงจากอัตราการเผาผลาญสารอาหารของสมอง โดยผลจากการคำนวณ พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วอายุของผู้หญิง (โดยอิงจากสภาพของสมอง) นั้นอ่อนวัยกว่าประมาณ 3.8 ปีเมื่อเทียบกับอายุขัยจริง

จากนั้น ทีมวิจัยได้ใช้ฐานข้อมูลของเพศหญิงเป็นฐาน แล้วนำมาคำนวณอายุของเพศชาย โดยอิงจากสภาพของสมอง ก็พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว สมองของผู้ชายนั้นแก่เร็วกว่าอายุขัยจริงถึง 2.4 ปี (ตัวอย่างเช่น ผู้ชายอายุ 50 ปี แต่สมองของเขากลับมีอายุสูงถึง 52.4 ปี)

Image

และเรื่องที่น่าสนใจคือ สามารถเห็นความแตกต่างเรื่องอายุของสมองได้อย่างชัดเจน ในชายและหญิงที่มีอายุ 20 ปี

โดยคุณ Manu Goyal นักประสาทวิทยา กล่าวว่า "ไม่ได้หมายความว่าสมองของผู้ชายนั้นแก่เร็วกว่า แต่มันก็ความว่าสมองของผู้ชายเริ่มเข้าสู่ภาพความเสื่อมถอยเร็วกว่าผู้หญิง 3 ปี และมันจะคงสภาพแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าความเสื่อมถอยนี้ส่งผลกระทบอย่างไร แต่ในเบื้องต้นมีแนวความคิดว่า สิ่งนี้ทำให้ผู้หญิงประสบปัญหาเรื่องการทำความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ น้อยว่าผู้ชายเมื่อก้าวเข้าสู่วัยชรา เพราะสมองของผู้หญิงมีความอ่อนวัยกว่าของผู้ชาย และพวกเรากำลังทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันในเรื่องนี้"

และในขั้นต่อไป ทีมวิจัยพยายามที่จะเชื่อมโยงว่า ปัญหาเรื่องการทำความเข้าใจ นั้นเกิดขึ้นน้อยกว่าในคนที่มีอายุสมองน้อยกว่าจริงหรือไม่?

โดยผลงานวิจัยนี้เผยแพร่ผ่านสื่อ Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America (PNAS)

ที่มา : www.sciencealert.com , www.pnas.org
07/02/2019 By Thaiware.com
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”