“อัลไลโกลบอล” เชื่อมลงทุนทั่วโลก หนุนคนไทยเพิ่มความมั่งคั่งพอร์ตต่างประเทศ

Post Reply
brid.yanee
Posts: 321
Joined: 10 Jan 2022, 10:18

“อัลไลโกลบอล” เชื่อมลงทุนทั่วโลก หนุนคนไทยเพิ่มความมั่งคั่งพอร์ตต่างประเทศ

Post by brid.yanee »

Image


ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั่วโลก แต่การลงทุนต่างแดนยังมีข้อจำกัดบางประการ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับ เป็นอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจากการลงทุนต้นทาง เพราะมีส่วนแบ่งกำไรที่ต้องกระจายให้ตัวกลางต่างๆ ทั้งตัวกลางในประเทศต้นทางและตัวกลางประเทศปลายทาง

Image

กฤษฏิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ALLY Global Management หรือ ALLY Global มองเห็นถึงโอกาสที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางหลายต่อ เพราะการผ่านตัวกลางหลายต่อนั้นเป็นสาเหตุให้ผลตอบแทนของนักลงทุนไทยน้อยกว่ามาก จึงตัดสินใจจัดตั้ง ALLY Global แพลตฟอร์มการลงทุนทางตรงที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์และหุ้นนอกตลาด (Alternative Investment-Private Equity Investment) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2562

ALLY Global มีจุดแข็งตรงที่มีเครือข่ายลงทุนที่เข้มแข็งในต่างประเทศ โดยมีพันธมิตรหลักเป็นผู้ให้บริการในพื้นที่ (Local Operator) ส่งผลให้บริษัทเข้าถึงสินทรัพย์ที่ดีและมีคุณภาพก่อนผู้ประกอบการรายอื่น อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนต่อปีหรือ IRR ให้แก่นักลงทุนได้ประมาณ18-40% ต่อปี

ทั้งนี้ ALLY Global เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถร่วมลงทุนกับเจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของโลก อาทิ เดวิด รูบินสไตน์ เจ้าของและผู้ก่อตั้งคาร์ไล กรุ๊ป (Carlyle Group) หนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา และมาร์ค ลาสลี่ เจ้าของและผู้ก่อตั้งอเวนิวแคปปิตอล กรุ๊ป (Avenue Capital Group) กองทุนที่ใหญ่และมีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงมีพันธมิตรกองทุนระดับโลกที่มีชื่อเสียง อาทิ แบล็กสโตนกรุ๊ป (Blackstone) และร็อคพอยท์ (Rockpoint) เป็นต้น

Image

ALLY Global เป็นบริษัทการลงทุน (Alternative Investment–Private Equity Investment) ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และมีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 5 ปี ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส กรุงเทพฯ และสิงคโปร์ ซึ่ง ALLY Global เป็นแพลตฟอร์มแรกในเอเซียที่เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลักทั่วโลก เพื่อสร้างมูลค่าการลงทุนโดยเน้นลงทุนธุรกิจที่มีความมั่นคง แนวโน้มเติบโตที่ดีในอนาคต และเน้นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สินหรือกระแสเงินสดรองรับ ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) 2. สื่อและความบันเทิง (Media and Entertainment) 3. อุตสาหกรรมด้านบริการและโรงแรม (Hospitality) 4. การลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคง ผลตอบแทนสูงและมีกระแสเงินสดรองรับ

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่จะลงทุนทั้งในระยะยาวหรือระยะสั้น และพร้อมมองหาการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในไทยและต่างประเทศ จากกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล และเมกะเทรนด์ต่างๆ รวมถึงยังมองหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ประเภทพลังงานสะอาด การใช้บล็อกเชนมาทำเครื่องมือทางการเงินและการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ในการลงทุน ซึ่งเน้นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างมากทั่วโลก และให้ผลตอบแทนที่ดีมากแก่นักลงทุน ส่วนกระแสสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่กำลังมาแรง ยอมรับว่าสนใจเช่นกัน แต่ยังยึดมั่นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง (Asset-backed) เป็นหลัก

Image

ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 1 พันล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นสินทรัพย์จากกองรีทในไทย 400 ล้านดอลลาร์ และอีก 600 ล้านดอลล่าร์ เป็นสินทรัพย์ในต่างประเทศ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ 100 ล้านดอลลาร์ และอื่นๆ อาทิ ที่ดิน และการลงทุนในกิจการที่มีโอกาสเติบโตสูง (Growth Venture) อีกราว 500 ล้านดอลลาร์

สำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ALLY GLOBALได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 40 โครงการทั้งในอเมริกา เอเชีย และยุโรป เช่น

1. โครงการซีเปรียนี่ (Cipriani) เป็น Mixed-Use มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนทำเลใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของไมอามี่ ฟลอริดา นับเป็นที่ดินแปลงงามสุดท้ายใน Brickell ที่หรูและดีที่สุด เพิ่งมีการเปิดตัวรูปแบบเป็นคอนโดขายและให้เช่า

2. โครงการอาคารธุรกิจพาณิชย์ 18 อาคารบนถนนเวสเทิร์น อเวนิว สายหลักใน Hollywood ตั้งอยู่ใกล้พาราเมาท์ สตูดิโอและเน็ทฟลิกซ์ โดยลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ของมาร์ค ลาสลี่ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เดอะ อเวนิว กรุ๊ป ที่รู้จักในนามเจ้าของทีมบาสเก็ตบอลอันดับหนึ่ง มิลวอล์คกี้บัคส์ ที่โด่งดังในอเมริกา โดยแนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการซื้อตึกพร้อมที่ดินและลงทุนในการปรับปรุง เพื่อสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากค่าเช่าได้กว่า 5 เท่าจากราคาที่ลงทุน ขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับแบรนด์ดังๆ อาทิ เดวิด เซอร์เวอเนอร์ อาร์ตแกลเลอรี่ดังระดับโลก และแฟชั่นไลน์ใหม่จากผู้ก่อตั้ง Theory และ Celebrity agent Scooter Braun

3. โครงการโรงแรมเครสเซนต์ (Crescent) นับเป็นหนึ่งในทำเลดีที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเบเวอรี่ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ใกล้โรดิโอไดรฟ์ แนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการลงทุนที่มีการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน โดยได้ให้แบรนด์โรงแรมซอนเดอร์ (Sonder) ที่มีชื่อเสียงเป็นผู้บริหาร และด้วยทำเลที่สวยงามทำให้มีผู้เสนอซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่เราเข้าซื้อ 30% เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเข้าลงทุน อย่างไรก็ดีทางเรามองว่า มูลค่าในอนาคตจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโรงแรมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก

4. ออฟฟิศ 1375 บนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค เป็นตึก 20 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เพนสเตชั่น และไบรอัน พาร์ค ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัจจุบันมีอัตราการให้เช่าอยู่กว่า 95% เป็นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ 17% ตึกนี้ได้ลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ออฟฟิศของเดวิด รูบินสไตน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของคาร์ไลน์ กรุ๊ป กองทุนชื่อดังที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่าแปดล้านล้านบาท

Image

ขณะที่ธุรกิจบันเทิง เราได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนทางการเงิน พัฒนา และจัดจำหน่ายให้กับพันธมิตรบริษัทในวงการภาพยนตร์ทั้งในอเมริกาและระดับโลก ส่วนธุรกิจพลังงานสะอาดได้ลงทุนใน startups กว่า 50 บริษัท

กฤษฏิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มการลงทุนอีกราว 560 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ราว 330 ล้านดอลลาร์ ลงทุนในธุรกิจบริการและโรงแรมราว 100 ล้านดอลลาร์ การเพิ่มทุนกองรีทในประเทศไทยราว 30 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือจะแบ่งลงทุนในธุรกิจสื่อและความบันเทิง และธุรกิจที่มีการเติบโตสูงราว 100 ล้านดอลลาร์

สำหรับการเข้ามาให้บริการในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) และหน่วยดูแลความมั่งคั่งของครอบครัว (Family Office) ขณะที่ในระยะถัดไป ตั้งเป้าหมายขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าสถาบันและกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยคาดว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้ (2566-2570) AUM จะเติบโตสู่ระดับ 5-10 พันล้านดอลลาร์

เมื่อสอบถามถึงโอกาสในการนำสินทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในกองรีท ALLY นั้น

"แม้ปัจจุบันกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะอนุญาตให้ทำได้ แต่ในระยะสั้นคาดว่า จะเห็นการเพิ่มทุนจากสินทรัพย์ในประเทศเป็นหลักก่อน ขณะที่สินทรัพย์ต่างประเทศบริษัทไม่ได้ปิดกั้น โดยตั้งเป้าหมายหาสินทรัพย์ลงทุนที่ดีและมีคุณภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนพอใจกับอัตราการเติบโตที่จะก้าวต่อไปในอนาคต และนับเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการนำนักลงทุนก้าวเข้าสู่การลงทุนในสินทรัพย์ระดับแนวหน้าในอเมริกาและระดับโลก" กฤษฏิ์ กล่าว


ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก : https://www.bangkokbiznews.com/business/994849
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”