Page 1 of 1

ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียเผย สถานีอวกาศนานาชาติติดมัลแวร์ 'Stuxnet

Posted: 18 Nov 2013, 09:05
by brid.ladawan
ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียเผย สถานีอวกาศนานาชาติติดมัลแวร์ 'Stuxnet'

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ชื่อดังชาวรัสเซีย เผยว่า แล็ปท็อปที่ใช้บนสถานีอวกาศนานาชาติ เคยติดมัลแวร์ที่ชื่อ Stuxnet จากอุปกรณ์ยูเอสบี ที่นักบินอวกาศคนหนึ่งนำขึ้นมาบนยานด้วย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า ยูจีน แคสเปอร์สกี ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ชื่อดังชาวรัสเซีย เปิดเผยว่า แล็ปท็อปที่ใช้บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอเอส) ได้ติดไวรัสมัลแวร์ชื่อ "สตุกซ์เน็ต" (Stuxnet) จากอุปกรณ์ยูเอสบี ที่นำขึ้นไปบนยานโดยนักบินอวกาศชาวรัสเซียคนหนึ่ง ซึ่งแคสเปอร์สกีไม่ได้ระบุถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสถานีอวกาศ

อย่างไรก็ตาม แคสเปอร์สกี ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใดเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้อาจเกิดก่อนเดือนพ.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ บริษัท ยูไนเต็ด สเปซ อัลไลแอนซ์ ซึ่งดูแลปฏิบัติการบนไอเอสเอส ดำเนินการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั้งหมดจาก "วินโดว์ส์ เอ็กซ์พี" เป็น "ลีนุกซ์" เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและน่าเชื่อถือมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ แล็ปท็อปหลายสิบเครื่องที่ใช้บนสถานีอวกาศนานาชาติ ใช้ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ เอ็กซ์พี ซึ่งง่ายต่อการติดมัลแวร์มากกว่าลีนุกซ์ และจากการเปิดเผยของแคสเปอร์สกี แล็ปท็อบ ที่นักบินอวกาศชาวรัสเซียคนนี้ทำให้ติดไวรัส ก็ใช้ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ เอ็กซ์พี เช่นกัน

นอกจากนี้ แคสเปอร์สกี ยังเผยด้วยว่า ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งหนึ่งในรัสเซีย ก็ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ชื่อเสียงฉาวโฉ่ตัวเดียวกันนี้เช่นกัน

อนึ่ง สตุกซ์เน็ต เป็นมัลแวร์ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เชื่อกันว่ามันถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล โดยมีเป้าหมายเพื่อหยุดการทำงานของโรงงานนาตานซ์ ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถภาพนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อขัดขวางสิ่งที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยไวรัสตัวนี้จะทำให้เครื่องหมุนเหวี่ยงแยกธาตุกัมมันตภาพรังสีทำงานผิดปกติ จนสร้างความเสียหายแก่โรงงานแห่งนี้

ทั้งนี้ ชื่อของมัลแวร์ตัวนี้ เป็นที่รู้จักเมื่อลูกจ้างคนหนึ่งของโรงงานนาตานซ์ นำแล็ปท็อปซึ่งติดมัลแวร์จากที่ทำงานมาใช้งานที่บ้าน แล้วเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่งผลให้มัลแวร์ตัวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และฝังตัวเข้าสู่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหลายล้านตัวทั่วโลก.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2556