ไมโครซอฟท์ส่งไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 เพิ่มการเชื่อมต่อโซเช
Posted: 23 Nov 2013, 11:18
ไมโครซอฟท์ส่งไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 เพิ่มการเชื่อมต่อโซเชียลมีเดียมัดใจลูกค้า
“ไมโครซอฟท์” ชี้อีก 10 ปีข้างหน้าบริษัทที่เห็นอยู่ทุกวันจะเหลือรอดเพียง 25% เท่านั้น เหตุการแข่งขันสูงและพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่งไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 ใหม่เชื่อมต่อการทำงานเข้ากับเครื่องมือโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการผ่านโมบายดีไวซ์ได้ทุกที่ ช่วยสร้างความพึงพอใจและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ยาวนาน พร้อมเจาะองค์กรทุกธุรกิจโดยเฉพาะภาคการเงิน การประกันภัย และการขาย
นายสิทธิชัย ตันติแสงอรุณ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟตท์เชื่อว่าการทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญกับโลกธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าปัจจุบันอายุบริษัทต่างๆ จะสั้นลงเหลือเพียง 10-15 ปี และมีการคาดกันว่าบริษัทในปัจจุบันที่จะเหลือรอดในอีก 10 ปีข้างหน้า เพียง 25% เท่านั้น ต่างจากในอดีตที่อายุบริษัทจะยาวนาน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่เกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นการรักษาลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ประความสำเร็จและอยู่รอดได้
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปเร็วมากตามสื่อใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีคนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กปัจจุบัน 4,500 ล้านคน มีกว่า 6,800 ล้านใช้มือถือ และมีการหยิบขึ้นมาดูโทรศัพท์ถึง 150 ครั้งต่อวัน ดังนั้นคนที่ให้บริการหรือขายสินค้าจึงต้องเปลี่ยนตามไปด้วย เพราะการตลาดในยุคนี้ไม่ใช่แค่การโฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุจึงจะเข้าถึงลูกค้าได้ ต้องใช้ช่องทางเหล่านี้ในการสื่อสารการตลาดด้วย
“ไมโครซอฟท์สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ จึงได้นำเสนอไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 (Microsoft Dynamics CRM 2013) โซลูชันด้านการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านซีอาร์เอ็มผ่านดีไวซ์ได้ทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างง่ายดาย”
นายสิทธิชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ซีอาร์เอ็มของไมโครซอฟท์มีการงานมากกว่า 2 ล้านผู้ใช้งาน 33,000 ลูกค้าและ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 หลัก 31 ไตรมาสติดต่อกัน การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการที่ไมโครซอฟท์สามารถตอบสนองต่อการเติบโตขององค์กรต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีและง่าย
ไมโครซอฟท์ลงทุนด้านยูสเซอร์อินเตอร์เฟสกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อทำให้ลูกค้าใช้งานง่าย และซีอาร์เอ็มใหม่นี้มีฟีเจอร์ในการเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับเครื่องมือโซเชียลมีเดีย พร้อมเพิ่มเท็มเพลตและขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้กับธุรกิจ ทั้งนี้ ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้และช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านซีอาร์เอ็มได้บนดีไวซ์ทุกรูปแบบ ผ่านระบบทัชสกรีน อาทิ การใช้งานบนแท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 ไอโอเอส แอนดรอยด์ รวมถึงผ่านสมาร์ทโฟนที่รันระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน ไอโอเอส ของไอโฟน และแอนดรอยด์โฟน ยังไม่นับการทำงานร่วมกับบริการเครือข่ายภายในองค์กร (Enterprise Social) ต่างๆ เช่น แยมเมอร์ (Yammer) ลิงซ์ (Lync) และสไกป์ (Skype) ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการการขาย การตลาด และผู้ใช้งานสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการได้
สำหรับในเมืองไทยปัจจุบันลูกค้าซีอาร์เอ็มเกือบแสนราย (จำนวนยูสเซอร์) สามารถเลือกซื้อได้ 2 แบบ คือ ซื้อแบบไลเซนส์เป็นเครื่อง และการซื้อแบบไลเซนส์ตามยูสเซอร์ที่จะสามารถนำไปใช้งาน 1 ไลเซนส์แล้วใช้งานได้หลายอุปกรณ์ สำหรับลูกค้าเดิมสามารถอัปเกรดด้วยหากมีสัญญาในการดูแลรักษาซอฟต์แวร์อยู่ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้คือทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ การเงิน ประกัน และธุรกิจการขาย ต่างๆ
“ในภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเอาชนะในการแข่งขันได้ ซึ่งผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า บริษัทที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้ มีมูลค่าหุ้นสูงกว่าค่าดัชนี S&P 500 (ค่าดัชนีบริษัท 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา) ถึง 22.5% ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ในขณะที่มูลค่าหุ้นของบริษัทที่สร้างประสบการณ์การใช้งานแก่ผู้ใช้ได้อย่างไม่น่าประทับใจ ลดลงถึง 46.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน”
ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ทำให้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าได้รอบทิศทาง นอกจากนี้ยังช่วยให้รับรู้ถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมไปถึงยังช่วยให้การสื่อสารกับร้านค้าสาขาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดตามสถานะสินค้าได้ในเวลาที่ต้องการ และที่สำคัญคือการลดต้นทุนการจัดการในด้านอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
นายสิทธิชัยกล่าวต่อว่า ซีอาร์เอ็ม 2013 นี้ ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเปิดตัว 18 เท็มเพลตใหม่สำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการบริการ การผลิต การบริการด้านการเงิน สุขภาพ ภาครัฐ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีขั้นตอนในการจัดการ กับเหตุการณ์และโซลูชันการขาย เท็มเพลตซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างเป็นขั้นตอนและครบถ้วน ซึ่งลูกค้าสามารถเริ่มต้นการสร้างโซลูชั่นเพื่อเติมเต็มความต้องการในธุรกิจของตนได้ และสามารถใช้ประโยชน์จากเท็มเพลตเหล่านี้ได้บนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ด้วยการดาวน์โหลดเท็มเพลตเหล่านี้มาใช้งานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 ยังมีคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และฝ่ายดูแลลูกค้า สามารถจับคู่ลูกค้ากับสินค้าและบริการที่ต้องการ และเข้าไปมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ และด้วยการแสดงผลที่เรียบง่ายและสามารถแสดงข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดได้บนจอเดียว ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นทุกอย่างที่ต้องการทราบเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย รองรับความต้องการสำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความคาดหวังของลูกค้า ช่วยสร้างวงจรการขายที่สั้นลง สร้างอัตราในการปิดการขายที่เพิ่มขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาในการหาบุคลากรใหม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
19 พฤศจิกายน 2556
“ไมโครซอฟท์” ชี้อีก 10 ปีข้างหน้าบริษัทที่เห็นอยู่ทุกวันจะเหลือรอดเพียง 25% เท่านั้น เหตุการแข่งขันสูงและพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่งไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 ใหม่เชื่อมต่อการทำงานเข้ากับเครื่องมือโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการผ่านโมบายดีไวซ์ได้ทุกที่ ช่วยสร้างความพึงพอใจและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ยาวนาน พร้อมเจาะองค์กรทุกธุรกิจโดยเฉพาะภาคการเงิน การประกันภัย และการขาย
นายสิทธิชัย ตันติแสงอรุณ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟตท์เชื่อว่าการทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญกับโลกธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าปัจจุบันอายุบริษัทต่างๆ จะสั้นลงเหลือเพียง 10-15 ปี และมีการคาดกันว่าบริษัทในปัจจุบันที่จะเหลือรอดในอีก 10 ปีข้างหน้า เพียง 25% เท่านั้น ต่างจากในอดีตที่อายุบริษัทจะยาวนาน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่เกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นการรักษาลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ประความสำเร็จและอยู่รอดได้
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปเร็วมากตามสื่อใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีคนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กปัจจุบัน 4,500 ล้านคน มีกว่า 6,800 ล้านใช้มือถือ และมีการหยิบขึ้นมาดูโทรศัพท์ถึง 150 ครั้งต่อวัน ดังนั้นคนที่ให้บริการหรือขายสินค้าจึงต้องเปลี่ยนตามไปด้วย เพราะการตลาดในยุคนี้ไม่ใช่แค่การโฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุจึงจะเข้าถึงลูกค้าได้ ต้องใช้ช่องทางเหล่านี้ในการสื่อสารการตลาดด้วย
“ไมโครซอฟท์สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ จึงได้นำเสนอไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 (Microsoft Dynamics CRM 2013) โซลูชันด้านการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านซีอาร์เอ็มผ่านดีไวซ์ได้ทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างง่ายดาย”
นายสิทธิชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ซีอาร์เอ็มของไมโครซอฟท์มีการงานมากกว่า 2 ล้านผู้ใช้งาน 33,000 ลูกค้าและ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 หลัก 31 ไตรมาสติดต่อกัน การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการที่ไมโครซอฟท์สามารถตอบสนองต่อการเติบโตขององค์กรต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีและง่าย
ไมโครซอฟท์ลงทุนด้านยูสเซอร์อินเตอร์เฟสกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อทำให้ลูกค้าใช้งานง่าย และซีอาร์เอ็มใหม่นี้มีฟีเจอร์ในการเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับเครื่องมือโซเชียลมีเดีย พร้อมเพิ่มเท็มเพลตและขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้กับธุรกิจ ทั้งนี้ ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้และช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านซีอาร์เอ็มได้บนดีไวซ์ทุกรูปแบบ ผ่านระบบทัชสกรีน อาทิ การใช้งานบนแท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 ไอโอเอส แอนดรอยด์ รวมถึงผ่านสมาร์ทโฟนที่รันระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน ไอโอเอส ของไอโฟน และแอนดรอยด์โฟน ยังไม่นับการทำงานร่วมกับบริการเครือข่ายภายในองค์กร (Enterprise Social) ต่างๆ เช่น แยมเมอร์ (Yammer) ลิงซ์ (Lync) และสไกป์ (Skype) ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการการขาย การตลาด และผู้ใช้งานสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการได้
สำหรับในเมืองไทยปัจจุบันลูกค้าซีอาร์เอ็มเกือบแสนราย (จำนวนยูสเซอร์) สามารถเลือกซื้อได้ 2 แบบ คือ ซื้อแบบไลเซนส์เป็นเครื่อง และการซื้อแบบไลเซนส์ตามยูสเซอร์ที่จะสามารถนำไปใช้งาน 1 ไลเซนส์แล้วใช้งานได้หลายอุปกรณ์ สำหรับลูกค้าเดิมสามารถอัปเกรดด้วยหากมีสัญญาในการดูแลรักษาซอฟต์แวร์อยู่ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้คือทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ การเงิน ประกัน และธุรกิจการขาย ต่างๆ
“ในภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเอาชนะในการแข่งขันได้ ซึ่งผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า บริษัทที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้ มีมูลค่าหุ้นสูงกว่าค่าดัชนี S&P 500 (ค่าดัชนีบริษัท 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา) ถึง 22.5% ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ในขณะที่มูลค่าหุ้นของบริษัทที่สร้างประสบการณ์การใช้งานแก่ผู้ใช้ได้อย่างไม่น่าประทับใจ ลดลงถึง 46.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน”
ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ทำให้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าได้รอบทิศทาง นอกจากนี้ยังช่วยให้รับรู้ถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมไปถึงยังช่วยให้การสื่อสารกับร้านค้าสาขาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดตามสถานะสินค้าได้ในเวลาที่ต้องการ และที่สำคัญคือการลดต้นทุนการจัดการในด้านอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
นายสิทธิชัยกล่าวต่อว่า ซีอาร์เอ็ม 2013 นี้ ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเปิดตัว 18 เท็มเพลตใหม่สำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการบริการ การผลิต การบริการด้านการเงิน สุขภาพ ภาครัฐ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีขั้นตอนในการจัดการ กับเหตุการณ์และโซลูชันการขาย เท็มเพลตซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างเป็นขั้นตอนและครบถ้วน ซึ่งลูกค้าสามารถเริ่มต้นการสร้างโซลูชั่นเพื่อเติมเต็มความต้องการในธุรกิจของตนได้ และสามารถใช้ประโยชน์จากเท็มเพลตเหล่านี้ได้บนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ด้วยการดาวน์โหลดเท็มเพลตเหล่านี้มาใช้งานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ ซีอาร์เอ็ม 2013 ยังมีคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และฝ่ายดูแลลูกค้า สามารถจับคู่ลูกค้ากับสินค้าและบริการที่ต้องการ และเข้าไปมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ และด้วยการแสดงผลที่เรียบง่ายและสามารถแสดงข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดได้บนจอเดียว ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นทุกอย่างที่ต้องการทราบเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย รองรับความต้องการสำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความคาดหวังของลูกค้า ช่วยสร้างวงจรการขายที่สั้นลง สร้างอัตราในการปิดการขายที่เพิ่มขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาในการหาบุคลากรใหม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
19 พฤศจิกายน 2556