Page 1 of 1

มองตลาดไอซีที ปี 2557 กับการปรับตัวภาคอุตสาหกรรมไอทีในประเทศ

Posted: 25 Dec 2013, 16:42
by brid.ladawan
มองตลาดไอซีที ปี 2557 กับการปรับตัวภาคอุตสาหกรรมไอทีในประเทศ

thailand-it-trend-2014เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา “มีงานเสวนาเรื่อง มองตลาดไอซีทีปี 2557 แนวโน้มตลาดกับการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ” ด้วย เพื่อวิเคราะห์เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2557 และอุตสาหรรมด้านไอทีต้องรีบรับรู้และปรับตัวให้ทัน เพราะคาดว่าตลาดไอทีปีหน้า โดยเฉพาะค้าปลีกไอทียังซบเซาอย่างหนัก

thailand-it-trend-2014-aคุณวิวัฒน์ สุทธิภาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จักการใหญ่ บริษัทเบญจจินดีโฮลดิ้ง จำกัด และเลขาธิการสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า” ในปีหน้าอัตราการเติบโตในด้านเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือยังเติบโตมากอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมือถือจาก 2G มาเป็น 3G ทั้งด้าน Mobile Service และ Non Voice ด้วย ส่วนในด้านบอรดแบนด์ในเรื่อง FTTH นั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก นอกจากนี้ในปีต่อไปที่กำลังจะมีหลายเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่

ปี 2015 บอรดแบนด์ครอบคลุมมากถึง 80% ของประชาการ
ปี 2020 บอรดแบนด์ครอบคลุมมากถึง 95% ของประชาการ
การประมูลดิจิตอลทีวี , การประมูล USO
การประมูลคลื่นความถี่ ( 900 / 1800 MHz )
พวก Social Media , Contents และ Application ยังเป็นตลาดที่ใหญ่มากอยู่
การลงทุนด้านโทรคมนาคมในเรื่องการขายเครือข่าย 3G ให้ครอบคลุมจะเพิ่มขึ้น และบริการเสริมจะสูงขึ้น เพื่อเตรียมรองรับทั้ง 3G และ 4G และสนับสนุนบริการเกี่ยวกับ Cloud Computing มากขึ้น
ความต้องการของผู้ใช้บริการ หลากหลายขึ้นและสูงขึ้น โอเปอเรเตอร์ต้องเร่งปรับบริการเพื่อตอบสนองลูกค้ามากขึ้น
การให้บริการ FTTH ที่เพิ่มมากขึ้น
การเติบโตของทั้ง โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และสมาร์ททีวี ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ มีพวกอินเทอร์เน็ตและ content แอพ ที่เกี่ยวข้อง
การรับมือในเรื่องความปลอดภัยบนโลกอินเทอร์เน็ต Cyber Security จะมีมากขึ้น
การใช้งาน Cloud เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์ IDC ตึก CAT บางรัก ไฟดับอินเทอร์เน็ตใช้ไม่ได้ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา

thailand-it-trend-2014-bคุณปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการ ARIP และ ผู้แทนสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย เผยข้อมูลว่า พบกลุ่มที่ใช้อุปกรณ์ไอทีแบบจริงจัง (ติดเน็ต ติด Facebook ติดสมาร์ทโฟน ) พบว่าเด็ก 11 ขวบ ก็ติดมากใช้เป็นจริงเป็นจังขนาดนี้แล้ว เมื่ออายุน้อยลง จัดเป็นกลุ่ม Digital Native (คือคนมีความรู้เรื่องไอทีไฮเทค มากกว่าผู้ใหญ่ผู้สูงอายุ) โดยกลุ่มผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุจะมีปัญหาทันที เพราะรู้เรื่องไอทีน้อยกว่าเด็ก , ตลาด Enterprise เติบโตมากขึ้น องค์กรลงทุนระบบเกี่ยวกับ Content Monitoring System มากขึ้น เพื่อวิเคราะห์ผู้บริโภคที่พูดถึงแบรนด์ตัวเอง , ผู้ประกอบการเริ่มขายของผ่านทางเว็บอีคอมเมิร์ซมากขึ้น

thailand-it-trend-2014-cส่วนด้านตลาด consumer ผันผวนมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบหลายเหตุการณ์ในช่วงปีก่อนๆ เช่น น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และโครงการรถคันแรก ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อรถยนต์มากกว่าซื้อคอม ซึ่งใช้เงินเยอะด้วย ตลาดไอทีตกต่ำผันผวนทั่วโลกในเรื่อง Wow Factor !!!! ( ที่พวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ดูว้าวกว่าพวกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแนว 2 In 1 ) ภาคฝ่ายขายให้ Enterprise ปรับตัวเข้ากับโครงการภาครัฐที่ต้องการ Digital Content ไปได้ดีมากๆ …. แต่ ในปี 2557 ภาพนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะโครงการภาครัฐสะดุด เช่น งบโครงการ 2.2 ล้านล้านบาท ไม่มีแล้ว ส่วนตลาดโลกในช่วงนี้ คอมพีซีโน๊ตบุ๊คทั่วโลกมี 300 ล้านเครื่อง แต่พวก Smart Device มีมากถึง 2,400 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าตลาดคอมทั่วโลกถึง 7 เท่า

ภาครัฐเจองานใหญ่ เพราะปีหน้าร้านขายปลีกในไอทีนี้ เจ๊ง ไปไม่รอด ต้องจับตลาด Enterprise ถึงจะรอด (สังเกตได้ที่ห้าง Pantip ปิดหลายร้าน) ปีหน้าพบภาวะตกต่ำด้านไอทีสำหรับค้าปลีก เราควรหาบุคคลที่สามารถสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ เพราะที่ผ่านมาคนไทยใช้ไอทีเป็น แต่ไม่มีการต่อยอดมาพัฒนา เป็นนวัตกรรมใหม่ ถ้าตลาดไอทีตกต่ำ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือประเทศไทยเราจะเสียมันสมองด้านไอที หากภาครัฐไม่มีการสนับสนุน พวกไอทีจะฝันมาเล่นในเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอื่นเช่น การตลาด การเงิน มากกว่ามาพัฒนาไอที และทำใจว่าภาครัฐช่วยไม่ได้เรื่อง VC ดังนั้นภาครัฐ ต้องคิดและแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้ภาครัฐสามารถสนับสนุน Start Up บริษัทในประเทศไทยได้ ตอนนี้บริษัทไอทีที่ลงทุนกับภาครัฐมีความเสี่ยงแน่

ดร.สุธี ผู้เจริญชนะชัย รองผู้อำนวยการ NECTEC กล่าวว่า “Social Computing” เป็นเทรนด์ใหม่ที่องค์กรจะมาวัดพฤติกรรมผู้ใช้ออนไลน์ เช่น Google Trends เป็นต้น ที่วัดกันว่าคนส่วนใหญ่กำลังสนใจอะไรกันอยู่ ใช้ได้กับแบรนด์ตัวเอง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกเทรนด์นึงคือ New Lifestyle คือเทคโนโลยีที่เข้าหาผู้ใช้มากขึ้น (ไม่ใช้ผู้ใช้เข้าหาเทคโนโลยี) ให้ไอทีทำงานแทนเรา จะเห็นอุปกรณ์อื่นๆเช่นทีวี กล้อง หรือนาฬิกา ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น และควรส่งเสริมพัฒนาด้าน Local Content ให้ดีขึ้น มิฉะนั้น Local Content ของไทยนี้จะถูกตกไปอยู่ของบริษัทต่างชาติ “

ที่มา : ไอที 24 ชั่วโมง
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2013