3 ยักษ์ใหญ่ไอทีไทย รวมตัวบุกตลาดเออีซี
Posted: 07 Mar 2014, 17:57
3 ยักษ์ใหญ่ไอทีไทย รวมตัวบุกตลาดเออีซี
ใกล้ถึงวันที่ประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซียน ปี 58 นักธุรกิจไทยต้องมีการปรับตัวเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่รุนแรงเช่นกัน
สำหรับการทำธุรกิจหลาย ๆ ประเทศ นักลงทุนส่วนใหญ่มักหาพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจ ผนึกกำลังเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด บริษัท สามารถคอมมิวนิเคชั่นเซอร์วิส จำกัด ได้ร่วมมือกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอที ตั้งบริษัทร่วมกันเพื่อให้บริการในกลุ่มธุรกิจไอทีแบบครบวงจรเพื่อเจาะตลาดในภูมิภาคอาเซียน หลังเห็นโอกาสตลาดเติบโตสูง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไอซีทีไทยสู่การยอมรับในระดับสากลตั้งบริษัทใหม่ ในนามบริษัท เอส แอล เอ เอเชีย จำกัด
โดยแต่งตั้งนายสุรกิจ เกียรติธนากร เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอส แอล เอ เพื่อดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีไอซีทีครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้ง 3 บริษัท มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันคือขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม)
“เรามีความชำนาญ ทั้งวางระบบเครือข่ายการสื่อสาร บริหารจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศ ออกแบบติดตั้งระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย ให้บริการคอลเซ็นเตอร์เต็มรูปแบบ และด้วยความเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกันมาโดยตลอด ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการสร้างการยอมรับ” นายวัฒน์ชัย กล่าว
นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ล็อกซเล่ย์ เล่าว่า เมียน มาร์เป็นตลาดใหม่ที่สำคัญ จึงให้ความสำคัญมาก เพราะมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีนักลงทุนชาวไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมากเข้าไปประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยตัวเลขการค้าระหว่างไทยและเมียนมาร์ปีที่ผ่านมาสูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้มีการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ
การลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่เมียนมาร์อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้
ทั้งนี้ การให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม การบริการสื่อสารไร้สาย รวมถึงการให้บริการไอซีทีที่ครบวงจร ตั้งแต่การขายอุปกรณ์ การติดตั้งและวางระบบการสื่อสาร ตลอดจนการให้บริการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องย่อมเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเรามั่นใจในศักยภาพของ เอสแอลเอ ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอไอที กล่าวเสริมว่า การรุกตลาดต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่โดยเฉพาะกัมพูชา เอไอที และกลุ่มสามารถฯ ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ก่อนแล้ว จึงมั่นใจได้ด้วยประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าท้องถิ่นจะเป็นกำลังสำคัญในการขยายธุรกิจให้บริษัทใหม่
นายสุรกิจ เกียรติธนากร ซีอีโอ เอสแอลเอ เล่าว่า ตลาดในอาเซียน โดยเฉพาะเมียนมาร์ ยังมีช่องว่างการขยายตัวอีกมาก ถือเป็นตลาดใหญ่ โดยมีมูลค่าตลาดโทรคมนาคมกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าไปให้บริการระบบด้านโทรคมนาคม ให้บริษัทที่ได้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมในเมียนมาร์ คาดว่าเดือน มี.ค. 57 จะบรรลุข้อตกลง
ส่วนลาวก็มีความต้องการด้านไอซีทีมาก โดยเฉพาะการให้บริการด้านไอทีโซลูชั่นที่ต้องทำงานร่วมกับภาครัฐของลาว เช่นเดียวกับกัมพูชาที่การขยายตัวยังมีสูง โดยกัมพูชา มีความต้องการเรื่องของดาต้า เซ็นเตอร์ และอีกอฟเวิร์นเมนท์
หากทั้ง 3 โทรคมนาคมไทย มีความตั้งใจและนำบริการที่ดีมีคุณภาพเจอะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เชื่อว่า เป้ารายได้รวมที่ตั้งไว้ 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท น่าจะอยู่แค่มือเอื้อม.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 5 มีนาคม 2557
ใกล้ถึงวันที่ประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซียน ปี 58 นักธุรกิจไทยต้องมีการปรับตัวเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่รุนแรงเช่นกัน
สำหรับการทำธุรกิจหลาย ๆ ประเทศ นักลงทุนส่วนใหญ่มักหาพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจ ผนึกกำลังเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด บริษัท สามารถคอมมิวนิเคชั่นเซอร์วิส จำกัด ได้ร่วมมือกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอที ตั้งบริษัทร่วมกันเพื่อให้บริการในกลุ่มธุรกิจไอทีแบบครบวงจรเพื่อเจาะตลาดในภูมิภาคอาเซียน หลังเห็นโอกาสตลาดเติบโตสูง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไอซีทีไทยสู่การยอมรับในระดับสากลตั้งบริษัทใหม่ ในนามบริษัท เอส แอล เอ เอเชีย จำกัด
โดยแต่งตั้งนายสุรกิจ เกียรติธนากร เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอส แอล เอ เพื่อดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีไอซีทีครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้ง 3 บริษัท มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันคือขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม)
“เรามีความชำนาญ ทั้งวางระบบเครือข่ายการสื่อสาร บริหารจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศ ออกแบบติดตั้งระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย ให้บริการคอลเซ็นเตอร์เต็มรูปแบบ และด้วยความเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกันมาโดยตลอด ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการสร้างการยอมรับ” นายวัฒน์ชัย กล่าว
นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ล็อกซเล่ย์ เล่าว่า เมียน มาร์เป็นตลาดใหม่ที่สำคัญ จึงให้ความสำคัญมาก เพราะมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีนักลงทุนชาวไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมากเข้าไปประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยตัวเลขการค้าระหว่างไทยและเมียนมาร์ปีที่ผ่านมาสูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้มีการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ
การลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่เมียนมาร์อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้
ทั้งนี้ การให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม การบริการสื่อสารไร้สาย รวมถึงการให้บริการไอซีทีที่ครบวงจร ตั้งแต่การขายอุปกรณ์ การติดตั้งและวางระบบการสื่อสาร ตลอดจนการให้บริการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องย่อมเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเรามั่นใจในศักยภาพของ เอสแอลเอ ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอไอที กล่าวเสริมว่า การรุกตลาดต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่โดยเฉพาะกัมพูชา เอไอที และกลุ่มสามารถฯ ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ก่อนแล้ว จึงมั่นใจได้ด้วยประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าท้องถิ่นจะเป็นกำลังสำคัญในการขยายธุรกิจให้บริษัทใหม่
นายสุรกิจ เกียรติธนากร ซีอีโอ เอสแอลเอ เล่าว่า ตลาดในอาเซียน โดยเฉพาะเมียนมาร์ ยังมีช่องว่างการขยายตัวอีกมาก ถือเป็นตลาดใหญ่ โดยมีมูลค่าตลาดโทรคมนาคมกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าไปให้บริการระบบด้านโทรคมนาคม ให้บริษัทที่ได้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมในเมียนมาร์ คาดว่าเดือน มี.ค. 57 จะบรรลุข้อตกลง
ส่วนลาวก็มีความต้องการด้านไอซีทีมาก โดยเฉพาะการให้บริการด้านไอทีโซลูชั่นที่ต้องทำงานร่วมกับภาครัฐของลาว เช่นเดียวกับกัมพูชาที่การขยายตัวยังมีสูง โดยกัมพูชา มีความต้องการเรื่องของดาต้า เซ็นเตอร์ และอีกอฟเวิร์นเมนท์
หากทั้ง 3 โทรคมนาคมไทย มีความตั้งใจและนำบริการที่ดีมีคุณภาพเจอะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เชื่อว่า เป้ารายได้รวมที่ตั้งไว้ 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท น่าจะอยู่แค่มือเอื้อม.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 5 มีนาคม 2557