กสท แนะปลดล็อคผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจก่อนประมูล4จี
Posted: 07 Mar 2014, 17:59
กสท แนะปลดล็อคผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจก่อนประมูล4จี
สำนักงาน กสทช.จัดโฟกัสกรุ๊ป การประมูลคลื่น 4 จี ขณะที่ เอไอเอส-ดีแทค มีความเห็นขัดแย้งกัน ด้าน รัฐวิสาหกิจ อย่าง “กสท” แนะ ควรปลดล็อค ผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ พร้อมเสนอแนวทางทำรูปแบบลักษณะเอ็มวีเอ็นโอ หวังเอื้อผู้ประกอบการรายเล็ก
วันนี้(5 มี.ค.) ที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงาน กสทช.จัดงานเสวนาประชุมรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อยต่อแนวทางการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800เมกะเฮิร์ตซ และคลื่นความถี่ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานหรือแนวทางการจัดประมูล 4จี โดยนายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่าการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ กับ 900เมกะเฮิร์ตซ ควรจัดการประมูลคลื่นขึ้นพร้อมกันส่วนจำนวนของคลื่นที่นำมาจัดประมูล โดยย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซควรนำมาประมูล 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 เมกะเฮิร์ตซ เท่านั้น เนื่องจาก ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซที่นำมาจัดประมูลมีจำนวน 12.5 เท่ากัน ใน 2 ช่วงความถี่ที่ไม่ติดกัน และจะทำให้มีเศษ 2.5
ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ เห็นว่าควรจัดประมูล ในจำนวน 20เมกะเฮิร์ตซ เนื่องจากเดิมคลื่นความถี่ย่านดังกล่าวที่เอไอเอส เป็นผู้ถือครองสัญญาสัมปทานได้ใช้งานในจำนวน 17.5 เมกะเฮิร์ตซเนื่องจากต้องเว้นช่วงคลื่น 2.5 เมกะเฮิร์ตซ ไว้เพื่อป้องกันคลื่นความถี่รบกวนแต่เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องเว้นว่างช่วงคลื่นในส่วนดังกล่าวเพื่อป้องกันการรบกวน นอกจากนี้อยากให้แก้ไขวิธีการประมูลคลื่นใหม่เพราะเห็นว่าเมื่อในระหว่างการประมูลคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซใช้เวลามากเกินไป
นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโส สายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซ็ส คอมมูนิเคชั่นจำกัด(มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าว ควรนำทั้ง 2 ย่านมาจัดการประมูลพร้อมกันเพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการต่างๆ ส่วนการประมูลคลื่นย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ ควรประมูลในจำนวน 12.5 เมกะเฮิร์ตซ เพราะแม้การให้บริการ 4จี จะทำให้เหลือเศษคลื่น 2.5 เมกะเฮิร์ตซ แต่เศษ 2.5เมกะเฮิร์ตซ ก็เพียงพอสามารถนำมาให้บริการรองรับลูกค้าในระบบ 2จีได้ทั้งนี้ในส่วนของแนวทางการส่งเสริมผู้เข้าแข่งขันรายใหม่ในการเข้าประมูล 4จี ดีแทค ยังไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ เพราะด้วยขนาดของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปัจจุบันอาจเป็นจำนวนที่เพียงพอแล้วซึ่งในกรณีหากอยากส่งเสริมผู้เล่นรายใหม่ควรเลือกเป็นแนวทางการขายส่งขายต่อบริการโทรศัพท์มือถือ(เอ็มวีเอ็นโอ) แทน
นางธัญวดี วงศ์ธีรฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องการให้ กสทช.จัดทำตัวข้อกำหนดที่เป็นข้อยกเว้นในส่วนของผู้ถือหุ้นของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพราะกสท และบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) มีผู้ถือหุ้นหลักคนเดียวกัน คือกระทรวงการคลังซึ่งข้อกำหนดเดิมของ กสทช. ผู้เข้าประมูลจะมีความเกี่ยวข้องกันในเชิงผู้ถือหุ้นไม่ได้ทั้งที่ กสท และ ทีโอที มีแนวทางการดำเนินงานที่ต่างกันรวมทั้งยังอยากให้เพิ่มข้อกำหนด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก โดยให้ผู้ชนะการประมูลสามารถนำคลื่นความถี่ไปให้บริการในลักษณะเอ็มวีเอ็นโอ ได้ อีกทั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค.) ควรกำหนดระยะการวางโครงเช่นเดียวกับคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซเพื่อป้องกันผู้ชนะการประมูลไม่นำคลื่นที่ชนะการประมูลไปใช้งาน
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 5 มีนาคม 2557
สำนักงาน กสทช.จัดโฟกัสกรุ๊ป การประมูลคลื่น 4 จี ขณะที่ เอไอเอส-ดีแทค มีความเห็นขัดแย้งกัน ด้าน รัฐวิสาหกิจ อย่าง “กสท” แนะ ควรปลดล็อค ผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ พร้อมเสนอแนวทางทำรูปแบบลักษณะเอ็มวีเอ็นโอ หวังเอื้อผู้ประกอบการรายเล็ก
วันนี้(5 มี.ค.) ที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงาน กสทช.จัดงานเสวนาประชุมรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อยต่อแนวทางการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800เมกะเฮิร์ตซ และคลื่นความถี่ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานหรือแนวทางการจัดประมูล 4จี โดยนายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่าการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ กับ 900เมกะเฮิร์ตซ ควรจัดการประมูลคลื่นขึ้นพร้อมกันส่วนจำนวนของคลื่นที่นำมาจัดประมูล โดยย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซควรนำมาประมูล 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 เมกะเฮิร์ตซ เท่านั้น เนื่องจาก ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซที่นำมาจัดประมูลมีจำนวน 12.5 เท่ากัน ใน 2 ช่วงความถี่ที่ไม่ติดกัน และจะทำให้มีเศษ 2.5
ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ เห็นว่าควรจัดประมูล ในจำนวน 20เมกะเฮิร์ตซ เนื่องจากเดิมคลื่นความถี่ย่านดังกล่าวที่เอไอเอส เป็นผู้ถือครองสัญญาสัมปทานได้ใช้งานในจำนวน 17.5 เมกะเฮิร์ตซเนื่องจากต้องเว้นช่วงคลื่น 2.5 เมกะเฮิร์ตซ ไว้เพื่อป้องกันคลื่นความถี่รบกวนแต่เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องเว้นว่างช่วงคลื่นในส่วนดังกล่าวเพื่อป้องกันการรบกวน นอกจากนี้อยากให้แก้ไขวิธีการประมูลคลื่นใหม่เพราะเห็นว่าเมื่อในระหว่างการประมูลคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซใช้เวลามากเกินไป
นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโส สายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซ็ส คอมมูนิเคชั่นจำกัด(มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าว ควรนำทั้ง 2 ย่านมาจัดการประมูลพร้อมกันเพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการต่างๆ ส่วนการประมูลคลื่นย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ ควรประมูลในจำนวน 12.5 เมกะเฮิร์ตซ เพราะแม้การให้บริการ 4จี จะทำให้เหลือเศษคลื่น 2.5 เมกะเฮิร์ตซ แต่เศษ 2.5เมกะเฮิร์ตซ ก็เพียงพอสามารถนำมาให้บริการรองรับลูกค้าในระบบ 2จีได้ทั้งนี้ในส่วนของแนวทางการส่งเสริมผู้เข้าแข่งขันรายใหม่ในการเข้าประมูล 4จี ดีแทค ยังไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ เพราะด้วยขนาดของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปัจจุบันอาจเป็นจำนวนที่เพียงพอแล้วซึ่งในกรณีหากอยากส่งเสริมผู้เล่นรายใหม่ควรเลือกเป็นแนวทางการขายส่งขายต่อบริการโทรศัพท์มือถือ(เอ็มวีเอ็นโอ) แทน
นางธัญวดี วงศ์ธีรฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องการให้ กสทช.จัดทำตัวข้อกำหนดที่เป็นข้อยกเว้นในส่วนของผู้ถือหุ้นของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพราะกสท และบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) มีผู้ถือหุ้นหลักคนเดียวกัน คือกระทรวงการคลังซึ่งข้อกำหนดเดิมของ กสทช. ผู้เข้าประมูลจะมีความเกี่ยวข้องกันในเชิงผู้ถือหุ้นไม่ได้ทั้งที่ กสท และ ทีโอที มีแนวทางการดำเนินงานที่ต่างกันรวมทั้งยังอยากให้เพิ่มข้อกำหนด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก โดยให้ผู้ชนะการประมูลสามารถนำคลื่นความถี่ไปให้บริการในลักษณะเอ็มวีเอ็นโอ ได้ อีกทั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค.) ควรกำหนดระยะการวางโครงเช่นเดียวกับคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซเพื่อป้องกันผู้ชนะการประมูลไม่นำคลื่นที่ชนะการประมูลไปใช้งาน
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 5 มีนาคม 2557