อ๋อย"ตอกตะปู"ศศิธารา"ปมเบิกจ่าย ไม่ใช่ประเด็นแค่ทำเอกสารหา
Posted: 10 Mar 2014, 14:07
อ๋อย"ตอกตะปู"ศศิธารา"ปมเบิกจ่าย ไม่ใช่ประเด็นแค่ทำเอกสารหาย แต่จัดซื้อไม่ตรงทีโออาร์ที่ประกวดราคา
‘จาตุรนต์’ ตอกย้ำความผิด "ศศิธารา" ไม่ใช่การทำเอกสารหาย แต่เป็นการอนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ และยังเบิกจ่ายไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อไม่ตรงความต้องการสถาบันอาชีวะหลายแห่งด้วย เชื่อ กกต.พิจารณาไม่นานก่อนคำสั่งปลดมีผลปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีการทำหนังสือแจ้งมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง ที่ให้ปลดนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการกรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP 2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ พร้อมทั้งร่างคำสั่งหนังสือปลดออกหารือไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ กกต.จะมีหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวง กรณีที่สอบถามเกี่ยวกับมติ อ.ก.พ.สกศ.ให้ปลดนางสาวศศิธารา ทั้งนี้ มั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาไม่นาน เพราะไม่มีประเด็นจะต้องพิจารณาคำสั่งปลด ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแทนตำแหน่งว่างในช่วงการเลือกตั้ง แต่เป็นการสอบสวนทางวินัยโดย อ.ก.พ.สกศ. โดยหลังจากที่ กกต.มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ถ้าไม่ต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ ตนในฐานะรักษาการ รมว.ศธ. ก็สามารถลงนามในคำสั่งปลดออกจากข้าราชการได้ทันที อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้ให้นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัด ศธ. หารือไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่ากรณีปลดระดับ 11 ออกจากราชการ จำเป็นจะต้องทำเรื่องเข้าพิจารณาใน ครม.หรือไม่
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นางสาวศศิธาราออกมาโต้แย้งว่า กรณีเอกสารหายนั้น เจ้าตัวไม่ได้ทำผิดตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค.0526.7/ว.72 เพราะระเบียบดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติใช้ในกรณีเอกสารสูญหายหลังการเบิกจ่าย แต่กรณีนี้เป็นเอกสารสูญหายก่อนการเบิกจ่าย โดยข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อพบว่าเอกสารหาย เจ้าหน้าที่พัสดุและรองเลขาธิการการอาชีวศึกษาในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารหายก่อนที่จะให้มีการเบิกจ่าย ซึ่งนางสาวศศิธาราก็อนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นจริง และปล่อยให้มีการอนุมัติเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์แนบท้ายสัญญา หรือทีโออาร์ที่ใช้ในการตรวจรับของ ซึ่งไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ใช้ในการประกวดราคา ทำให้ราชการต้องได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ อ.ก.พ.สกศ.เองก็มีการอภิปรายในประเด็นนี้กัน แต่ได้ข้อสรุปว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำเอกสารหาย แต่เป็นเรื่องที่นางสาวศศิธาราให้เบิกจ่ายเงินไปโดยที่ไม่มีการตรวจสอบก่อน โดยใช้เอกสารทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับของจริง ซึ่งก็เป็นผลจากการที่ไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ราชการเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
“คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการเอาผิดเพราะทำเอกสารหาย เรื่องของเอกสารหายเป็นเรื่องของคนทำเอกสาร ซึ่งก็ต้องสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไป แต่กรณีนี้เป็นการเอาผิดกรณีที่นางสาวศศิธาราอนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่ก็รู้กันอยู่ว่าควรจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจึงจะมีการเบิกจ่าย ผลก็คือมีการเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ส่งผลให้ข้าราชการเสียหาย และยังทำให้เกิดการส่งครุภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการของวิทยาลัย ทั้งนี้ นางสาวศศิธาราได้ทำเอกสารชี้แจงเรื่องทั้งหมดมายัง อ.ก.พ.สกศ.แล้ว และ อ.ก.พ.สกศ.ทุกคนก็ได้อ่านคำชี้แจงนั้น ก่อนจะมาอภิปรายกันในที่ประชุม และมีมติให้เอาผิดร้ายแรงนางสาวศศิธารา ปลดออกจากข้าราชการ” นายจาตุรนต์กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์
วันที่ 4 มีนาคม 2557
‘จาตุรนต์’ ตอกย้ำความผิด "ศศิธารา" ไม่ใช่การทำเอกสารหาย แต่เป็นการอนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ และยังเบิกจ่ายไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อไม่ตรงความต้องการสถาบันอาชีวะหลายแห่งด้วย เชื่อ กกต.พิจารณาไม่นานก่อนคำสั่งปลดมีผลปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีการทำหนังสือแจ้งมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง ที่ให้ปลดนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการกรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP 2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ พร้อมทั้งร่างคำสั่งหนังสือปลดออกหารือไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ กกต.จะมีหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวง กรณีที่สอบถามเกี่ยวกับมติ อ.ก.พ.สกศ.ให้ปลดนางสาวศศิธารา ทั้งนี้ มั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาไม่นาน เพราะไม่มีประเด็นจะต้องพิจารณาคำสั่งปลด ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแทนตำแหน่งว่างในช่วงการเลือกตั้ง แต่เป็นการสอบสวนทางวินัยโดย อ.ก.พ.สกศ. โดยหลังจากที่ กกต.มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ถ้าไม่ต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ ตนในฐานะรักษาการ รมว.ศธ. ก็สามารถลงนามในคำสั่งปลดออกจากข้าราชการได้ทันที อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้ให้นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัด ศธ. หารือไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่ากรณีปลดระดับ 11 ออกจากราชการ จำเป็นจะต้องทำเรื่องเข้าพิจารณาใน ครม.หรือไม่
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นางสาวศศิธาราออกมาโต้แย้งว่า กรณีเอกสารหายนั้น เจ้าตัวไม่ได้ทำผิดตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค.0526.7/ว.72 เพราะระเบียบดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติใช้ในกรณีเอกสารสูญหายหลังการเบิกจ่าย แต่กรณีนี้เป็นเอกสารสูญหายก่อนการเบิกจ่าย โดยข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อพบว่าเอกสารหาย เจ้าหน้าที่พัสดุและรองเลขาธิการการอาชีวศึกษาในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารหายก่อนที่จะให้มีการเบิกจ่าย ซึ่งนางสาวศศิธาราก็อนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นจริง และปล่อยให้มีการอนุมัติเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์แนบท้ายสัญญา หรือทีโออาร์ที่ใช้ในการตรวจรับของ ซึ่งไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ใช้ในการประกวดราคา ทำให้ราชการต้องได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ อ.ก.พ.สกศ.เองก็มีการอภิปรายในประเด็นนี้กัน แต่ได้ข้อสรุปว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำเอกสารหาย แต่เป็นเรื่องที่นางสาวศศิธาราให้เบิกจ่ายเงินไปโดยที่ไม่มีการตรวจสอบก่อน โดยใช้เอกสารทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับของจริง ซึ่งก็เป็นผลจากการที่ไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ราชการเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
“คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการเอาผิดเพราะทำเอกสารหาย เรื่องของเอกสารหายเป็นเรื่องของคนทำเอกสาร ซึ่งก็ต้องสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไป แต่กรณีนี้เป็นการเอาผิดกรณีที่นางสาวศศิธาราอนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่ก็รู้กันอยู่ว่าควรจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจึงจะมีการเบิกจ่าย ผลก็คือมีการเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ส่งผลให้ข้าราชการเสียหาย และยังทำให้เกิดการส่งครุภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการของวิทยาลัย ทั้งนี้ นางสาวศศิธาราได้ทำเอกสารชี้แจงเรื่องทั้งหมดมายัง อ.ก.พ.สกศ.แล้ว และ อ.ก.พ.สกศ.ทุกคนก็ได้อ่านคำชี้แจงนั้น ก่อนจะมาอภิปรายกันในที่ประชุม และมีมติให้เอาผิดร้ายแรงนางสาวศศิธารา ปลดออกจากข้าราชการ” นายจาตุรนต์กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์
วันที่ 4 มีนาคม 2557