Page 1 of 1

ตม.จับยูเครนใช้บัตรเอทีปลอมกดเงิน

Posted: 14 Mar 2014, 16:47
by brid.ladawan
ตม.จับยูเครนใช้บัตรเอทีปลอมกดเงิน

ย่านสามเสน-ข้าวสาร เสียหายกว่าล้านบาท คาดโยงแก็งสกิมเมอร์ปลอมบัตรต่างชาติ
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร.ต.ต.กิตติพันธ์ เอี่ยมจรูญ รอง สว.กก.1 ร่วมกันจับกุมนายสมารี อิกอร์ อายุ 39 ปี ชาวยูเครนพร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เอทีเอ็ม) ต่างประเทศปลอม จำนวน 18 ใบ บัตรเล็กทรอนิกส์จริง 2 ใบ เงินสด 1,790 บาท กระเป๋าสะพายข้าง สีดำ 1ใบ และกระเป๋าเงินสีน้ำตาล 2 ใบ โดยจับกุมได้บริเวณตู้เอทีเอ็ม ด้านหน้าร้านเซเว่นฯ ซอยสามเสน 2 ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร

ร.ต.ต.กิตติพันธ์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากฝ่ายตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ ว่ามีชาวต่างชาติใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมกดเงินย่านถนนสามเสน 2 และถนนข้าวสาร ช่วงวันที่ 6 และวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงจัดชุดสืบสวนลงพื้นที่และไล่ดูกล้องวงจรปิด จนกระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ตรวจพบนายสมารียืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณหน้าร้านเซเว่นฯ ซอยสามเสน 2

โดยขณะที่กดเงินอยู่นั้น ข้อมูลของบัตรเอทีเอ็มที่ใช้ได้แสดงพิรุธที่หน้าจอของเจ้าหน้าที่ธนาคาร รวมทั้งลักษณะรูปพรรณสันฐานเหมือนกับชาวต่างชาติที่เคยพบว่ามีการใช้เอทีเอ็มปลอม ชุดสืบสวนจึงเข้าทำการตรวจสอบ ก่อนจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว ทั้งนี้ภายหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ขยายผล เข้าตรวจสอบห้องพัก ย่านซอยรามบุตรี เขตพระนคร หลังทราบว่ามีชายชาวยูเครน ไม่ทราบชื่อเป็นผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย แต่เมื่อไปถึงที่พักกลับไม่พบ

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.57 ผ่านทางด่านตม.สุวรรณภูมิ ในฐานะนักท่องเที่ยว ส่วนบัตรเอทีเอ็มปลอมทั้งหมด ได้รับมาจากเพื่อนชาวยูเครนที่รู้จักกัน ทั้งนี้ยอมรับว่ากดเงินมาจริง โดยทำลักษณะนี้มาประมาณ 10 ครั้ง ได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์เงินที่กดได้ เมื่อหักส่วนแบ่งแล้วจะส่งเงินให้กับพรรคพวกที่ร่วมขบวนการต่อไป

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมของกลางเพื่อประเมินความเสียหาย พบว่าบัตรดังกล่าวเป็นของธนาคารต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของประเทศรัสเซียและยูเครน ที่ถูกแก๊งสกิมเมอร์ดึงข้อมูลบัตรจริงมาทำเป็นบัตรปลอมแล้วติดกล้องขนาดเล็กไว้ดูรหัสบัตร โดยก่อเหตุในต่างประเทศ ก่อนจะนำบัตรปลอมมากดใช้ในประเทศไทยสำหรับความเสียหาย เบื้องต้นประมาณ 1 แสนบาท แต่คาดว่ายอดรวมอาจจะสูงถึง 1 ล้านบาท เนื่องจากผู้ต้องหากดเงินมาแล้วหลายครั้ง

ที่มา เดลินิวส์
วันที่13 มีนาคม 2557