มาเลเซียเผยมีแนวโน้มเครื่องบินที่สูญหายจะถูกจี้
Posted: 15 Mar 2014, 13:52
มาเลเซียเผยมีแนวโน้มเครื่องบินที่สูญหายจะถูกจี้
สำนักข่าวเอพีของสหรัฐรายงานอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลมาเลเซีย ว่าการออกนอกเส้นทางของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส และหายไปตั้งแต่วันเสาร์ อาจเป็นผลจากการ "ก่อวินาศกรรม" โดยนักบินเอง หรือคนอื่นที่ต้องมีความรู้เรื่องเครื่องบินในระดับสูง
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 มี.ค.อ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลมาเลเซีย กล่าวว่าหนึ่งในนักบินหรือผู้ที่อยู่ในห้องโดยสารและมีความรู้เรื่องการบินและระบบเรดาร์ติดตามอากาศยานเป็นอย่างดี คือผู้ก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 มุ่งหน้ากรุงปักกิ่ง ที่หายสาบสูญตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว พร้อม 239 ชีวิตบนเครื่อง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทีมสืบสวนยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้ได้อย่างแน่ชัด รวมถึงชะตากรรมของเครื่องบินและผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงมืดแปดด้านในการรวบรวมข้อมูลว่า คนร้ายบังคับให้เครื่องบินเดินทางต่อไปที่ใด
ขณะที่แหล่งข่าวซึ่งอยู่ในทีมสืบสวนของรัฐบาลสหรัฐ เผยว่าหากผู้ก่อเหตุไม่ใช่นักบินเอง ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมเครื่องบินในระดับสูงไม่ต่างจากนักบินหรืออาจเหนือกว่า เนื่องจากมีความรู้ลึกซึ้งถึงขั้นทราบวิธีหลบเลี่ยงการตรวจจับสัญญาณเรดาร์ของทั้งกองทัพและหอบังคับการบินพลเรือน ตลอดจนการตัดสัญญาณระบบเรดาร์ทรานสพอนเดอร์ ที่คอยแจ้งเพดานบินและพิกัดของเครื่องบิน ตามด้วยการตัดระบบสื่อสารและรายงานสถานะอากาศยาน ( เอซีเออาร์เอส ) ในเวลาห่างกันราว 14 นาที คล้ายเกิดขึ้นอย่าง "จงใจ"
กระนั้นเครื่องบินยังคงส่งสัญญาณเรดาร์ในระดับอ่อนมากกลับมายังภาคพื้นได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่องราว 4-5 ชั่วโมง ก่อนหายไปอย่างถาวร ซึ่งสัญญาณที่ส่งมาครั้งสุดท้ายบ่งชี้ว่า เครื่องบินลอยอยู่เหนือทะเลแห่งหนึ่งหลังเปลี่ยนเส้นทางมาทางทิศตะวันตก ซึ่งมีการคาดการณ์กันแล้วว่า น่าจะเป็นบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซีย สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส และเจ้าหน้าที่สืบสวนจากสหรัฐอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบประวัตินักบินทั้ง 2 คน และลูกเรือทั้ง 10 คนอย่างละเอียด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งสมมติฐานว่า อาจเป็นการฆ่าตัวตายของนักบิน ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับเที่ยวบินของซิลค์แอร์ เมื่อปี 2540 และอียิปต์แอร์ เมื่อปี 2542
ที่มา เดลินิวส์
วันที่15 มีนาคม 2557
สำนักข่าวเอพีของสหรัฐรายงานอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลมาเลเซีย ว่าการออกนอกเส้นทางของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส และหายไปตั้งแต่วันเสาร์ อาจเป็นผลจากการ "ก่อวินาศกรรม" โดยนักบินเอง หรือคนอื่นที่ต้องมีความรู้เรื่องเครื่องบินในระดับสูง
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 มี.ค.อ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลมาเลเซีย กล่าวว่าหนึ่งในนักบินหรือผู้ที่อยู่ในห้องโดยสารและมีความรู้เรื่องการบินและระบบเรดาร์ติดตามอากาศยานเป็นอย่างดี คือผู้ก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 มุ่งหน้ากรุงปักกิ่ง ที่หายสาบสูญตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว พร้อม 239 ชีวิตบนเครื่อง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทีมสืบสวนยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้ได้อย่างแน่ชัด รวมถึงชะตากรรมของเครื่องบินและผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงมืดแปดด้านในการรวบรวมข้อมูลว่า คนร้ายบังคับให้เครื่องบินเดินทางต่อไปที่ใด
ขณะที่แหล่งข่าวซึ่งอยู่ในทีมสืบสวนของรัฐบาลสหรัฐ เผยว่าหากผู้ก่อเหตุไม่ใช่นักบินเอง ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมเครื่องบินในระดับสูงไม่ต่างจากนักบินหรืออาจเหนือกว่า เนื่องจากมีความรู้ลึกซึ้งถึงขั้นทราบวิธีหลบเลี่ยงการตรวจจับสัญญาณเรดาร์ของทั้งกองทัพและหอบังคับการบินพลเรือน ตลอดจนการตัดสัญญาณระบบเรดาร์ทรานสพอนเดอร์ ที่คอยแจ้งเพดานบินและพิกัดของเครื่องบิน ตามด้วยการตัดระบบสื่อสารและรายงานสถานะอากาศยาน ( เอซีเออาร์เอส ) ในเวลาห่างกันราว 14 นาที คล้ายเกิดขึ้นอย่าง "จงใจ"
กระนั้นเครื่องบินยังคงส่งสัญญาณเรดาร์ในระดับอ่อนมากกลับมายังภาคพื้นได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่องราว 4-5 ชั่วโมง ก่อนหายไปอย่างถาวร ซึ่งสัญญาณที่ส่งมาครั้งสุดท้ายบ่งชี้ว่า เครื่องบินลอยอยู่เหนือทะเลแห่งหนึ่งหลังเปลี่ยนเส้นทางมาทางทิศตะวันตก ซึ่งมีการคาดการณ์กันแล้วว่า น่าจะเป็นบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซีย สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส และเจ้าหน้าที่สืบสวนจากสหรัฐอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบประวัตินักบินทั้ง 2 คน และลูกเรือทั้ง 10 คนอย่างละเอียด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งสมมติฐานว่า อาจเป็นการฆ่าตัวตายของนักบิน ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับเที่ยวบินของซิลค์แอร์ เมื่อปี 2540 และอียิปต์แอร์ เมื่อปี 2542
ที่มา เดลินิวส์
วันที่15 มีนาคม 2557