พบคราบน้ำมันจำนวนมากลอยติดตลอดชายหาดสิชล
Posted: 18 Mar 2014, 14:36
พบคราบน้ำมันจำนวนมากลอยติดตลอดชายหาดสิชล
คราบน้ำมันจับตัวเป็นก้อนลอยมาติดตลอดแนวชายหาด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางยาว 3-4 กิโลเมตร และยังพบโลมาลอยเกยตื้นตายเป็นตัวที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.เสาเภา อ.สิชล ว่ามีครบน้ำมันจับตัวเป็นก้อนลอยมาติดริมชายหาด บริเวณริมทะเลปากน้ำป่าหมาก รอยต่อ หมู่ 2 ต.เสาเภา กับ หมู่ 16 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล และยังมีโลมาเกยตื้นตาย 1 ตัวด้วย จึงพร้อมด้วยนายสันติ นิลวัตน์ นักวิชาการประมงชำนาญการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา ได้เดินทางมาตรวจสอบพบซากโลมาพันธุ์หัวบาตรหลังเรียบเพศผู้ อายุประมาณ 4 เดือน น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม นอนเกยตื้นตายอยู่ริมหาดในสภาพพองอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน ตรวจสอบอย่างละเอียดพบมีแผลคล้ายถูกทำร้าย 3 จุด จึงเก็บซากโลมาตัวดังกล่าวไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ชัดเจนต่อไป
นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณชายหาดมีคราบน้ำมัน สีดำ จับตัวกันเป็นก้อนเหนียว ๆ ขนาดตั้งแต่เท่าลูกปิงปองจนถึงเท่าลูกส้มโอจำนวนมากลอยมาติดริมหาดระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำทะเลและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก บรรดานักท่องเที่ยวไม่กล้าลงไปเล่นน้ำ และยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า คราบน้ำมันนี้มาจากไหน ในเบื้องต้นคาดว่าโลมาน่าอาจจะโดนทำร้ายจากเรือลากอวนหรืออาจจะมาจากโลมากินคราบมันจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ตายก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องรอการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีโลมาเกยตื้นตายริมชายหาดในท้องที่ อ.สิชลมาแล้ว 3 ตัว สำหรับตัวนี้เป็นตัวที่ 4 ตัว ส่วนคราบน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนเหนียว ๆ จำนวนมากที่ลอยมาตลอดชายหาดใน อ.สิชล นั้นคาดว่า อาจจะมาจากเรือประมงขนาดใหญ่ปล่อยน้ำมันทิ้งกลางทะเลจนกระทั่งจับตัวกันเป็นก้อนลอยมาติดตลอดแนวชายหาดดังกล่าว ในขณะที่ชาวบ้านสงสัยว่ามาจากแท่นเจาะกลางอ่าวไทยที่อยู่ตรงกับอำเภอสิชลก็เป็นได้ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการจัดเก็บคราบและก้อนน้ำมันที่กระจายอยู่ตลอดแนวชายหาดต่อไป.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่18 มีนาคม 2557
คราบน้ำมันจับตัวเป็นก้อนลอยมาติดตลอดแนวชายหาด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางยาว 3-4 กิโลเมตร และยังพบโลมาลอยเกยตื้นตายเป็นตัวที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.เสาเภา อ.สิชล ว่ามีครบน้ำมันจับตัวเป็นก้อนลอยมาติดริมชายหาด บริเวณริมทะเลปากน้ำป่าหมาก รอยต่อ หมู่ 2 ต.เสาเภา กับ หมู่ 16 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล และยังมีโลมาเกยตื้นตาย 1 ตัวด้วย จึงพร้อมด้วยนายสันติ นิลวัตน์ นักวิชาการประมงชำนาญการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา ได้เดินทางมาตรวจสอบพบซากโลมาพันธุ์หัวบาตรหลังเรียบเพศผู้ อายุประมาณ 4 เดือน น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม นอนเกยตื้นตายอยู่ริมหาดในสภาพพองอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน ตรวจสอบอย่างละเอียดพบมีแผลคล้ายถูกทำร้าย 3 จุด จึงเก็บซากโลมาตัวดังกล่าวไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ชัดเจนต่อไป
นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณชายหาดมีคราบน้ำมัน สีดำ จับตัวกันเป็นก้อนเหนียว ๆ ขนาดตั้งแต่เท่าลูกปิงปองจนถึงเท่าลูกส้มโอจำนวนมากลอยมาติดริมหาดระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำทะเลและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก บรรดานักท่องเที่ยวไม่กล้าลงไปเล่นน้ำ และยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า คราบน้ำมันนี้มาจากไหน ในเบื้องต้นคาดว่าโลมาน่าอาจจะโดนทำร้ายจากเรือลากอวนหรืออาจจะมาจากโลมากินคราบมันจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ตายก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องรอการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีโลมาเกยตื้นตายริมชายหาดในท้องที่ อ.สิชลมาแล้ว 3 ตัว สำหรับตัวนี้เป็นตัวที่ 4 ตัว ส่วนคราบน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนเหนียว ๆ จำนวนมากที่ลอยมาตลอดชายหาดใน อ.สิชล นั้นคาดว่า อาจจะมาจากเรือประมงขนาดใหญ่ปล่อยน้ำมันทิ้งกลางทะเลจนกระทั่งจับตัวกันเป็นก้อนลอยมาติดตลอดแนวชายหาดดังกล่าว ในขณะที่ชาวบ้านสงสัยว่ามาจากแท่นเจาะกลางอ่าวไทยที่อยู่ตรงกับอำเภอสิชลก็เป็นได้ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการจัดเก็บคราบและก้อนน้ำมันที่กระจายอยู่ตลอดแนวชายหาดต่อไป.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่18 มีนาคม 2557