สอศ.ประเมินทวิภาคีอาชีวะเห็นผลดีจริง

[brid.ladawan]

สอศ.ประเมินทวิภาคีอาชีวะเห็นผลดีจริง

สอศ.ปลื้มทวิภาคีอาชีวะ สร้างเด็กทำงานได้จริง เตรียมวางแผนสานต่อทวิภาคีปี 57 พร้อมขยายความร่วมมือกับต่างประเทศ

วันนี้(18มี.ค.) นายอกนิษฐ์ คลังแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับสถานประกอบการ จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปีการศึกษา2555 นั้น ที่ผ่านมาได้มีการประเมินผลและจัดกลุ่มสถานศึกษาที่จัดอาชีวะศึกษาระบบทวิภาคีโดยประเมินสถานศึกษาและสถานประกอบการที่จัด สรุปได้ดังนี้ จากสถานศึกษาทั้งหมด 421แห่ง ได้ ระดับ 5 ดาว 63 แห่ง ระดับ 4 ดาว 22 แห่ง ระดับ3 ดาว 78 แห่ง ระดับ 2 ดาว 72 แห่ง และระดับ 1 ดาว 152 แห่งส่วนที่เหลือ 34 แห่งเป็นกลุ่มไร้ดาว ทั้งนี้จากการจัดการเรียนการสอนพบว่า ผู้เรียนสามารถทำงานได้ตามที่สถานประกอบการต้องการ ผู้เรียนมีรายได้ระหว่างเรียน และมีงานทำอย่างแน่นอนเมื่อจบการศึกษา เพราะในการเรียนการสอนต้องใช้เวลากึ่งหนึ่งในสถานประกอบการไม่ใช่ฝึกงานแค่หนึ่งภาคเรียนตามที่ยังมีผู้เข้าใจผิด

รองเลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า ในปีงบประมาณ 2557 สอศ.โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา(กรอ.อศ.) มีแผนจะพัฒนางานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ใน 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.เพิ่มศักยภาพสถานศึกษาที่จัดระบบทวิภาคีโดยมีเป้าหมายให้สถานศึกษาทั้ง421 แห่ง ได้เข้าสู่ประตูดาว 2.ประเมินสถานศึกษาที่จัดทวิภาคีสู่ความเป็นเลิศในปี2557 โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ประเมินให้เข้มข้นขึ้น 3.ขยายและยกระดับอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ในสถานศึกษา 120 แห่ง 3 สาขานำร่องได้แก่ กลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับในสถานศึกษา 4.คัดเลือกผู้อำนวยการและครูที่มีผลงานดีเด่นเป็นทูตอาชีวศึกษาใน 5ภูมิภาค 5.จัดทำประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยมาตรฐานการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและ 6.จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างค่านิยมและภาพลักษณ์ที่ดีในอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี

"นอกจากจะมีการพัฒนาการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีในประเทศแล้ว ยังจะมีการขยายความร่วมมือในต่างประเทศด้วย โดยจะทำในสองลักษณะ คือ ส่งเด็กไปฝึกงานที่ต่างประเทศ และมีการจัดการเรียนการสอนร่วมกับประเทศที่จัดระบบทวิภาคีประสบความสำเร็จ เช่น เปิดห้องเรียนญี่ปุ่นโมเดล เยอรมันโมเดล เป็นต้น"รองเลขาธิการกอศ.กล่าว

ที่มา เดลินิวส์
วันที่18 มีนาคม 2557