การเมืองไม่จบ!ศก.ส่อติดลบ จี้ททท.ฟื้นภาคท่องเที่ยว กสิกรฯหั
Posted: 19 Mar 2014, 15:30
การเมืองไม่จบ!ศก.ส่อติดลบ จี้ททท.ฟื้นภาคท่องเที่ยว กสิกรฯหั่นสินเชื่อSMEs
หอการค้าไทยคาดจีดีพีปีนี้โต 2-3% หากศึกการเมืองจบภายใน 6 เดือน ตั้งรัฐบาลได้ไตรมาส 3 แต่หากไม่เป็นไปตามแผน เกิดความรุนแรง เศรษฐกิจส่อติดลบถึง 2% "สมศักดิ์" สั่ง ททท.ทำแผนกระตุ้นท่องเที่ยว กสิกรไทยจ่อหั่นเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี คุมเอ็นพีแอล 2.85-2.95% แต่หวั่นจะเพิ่มได้อีก
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่รุนแรง และสามารถจบได้ภายใน 6 เดือนจากนี้ รวมทั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2-3% แต่หากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่านี้แน่นอน และหากมีสถานการณ์รุนแรงยาวนานมากกว่า 1 เดือน มองว่าเศรษฐกิจน่าจะโต 0% หรืออาจถึงติดลบ 2%
ทั้งนี้ ด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% หรือประมาณ 27.5 ล้านคน แต่ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียง 0.06% ซึ่งส่งผลกระทบถึงธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรม สปา สินค้าที่ระลึก และธุรกิจรถเช่า เป็นต้น ด้านการส่งออกแม้ตัวเลขการส่งออกในปี 2556 ลดลง 0.2% แต่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวที่ 5% ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก
ส่วนการใช้จ่ายของรัฐ คาดว่างบประมาณปี 2558 อาจจะมีการติดขัดบ้าง หากรัฐบาลใหม่มีการจัดตั้งได้ล่าช้า ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 จะกระทบเฉพาะงบประมาณลงทุนเพียง 30% เท่านั้นที่จะล่าช้าไป เพราะงบประมาณรายจ่ายประจำอีก 70% ยังใช้ได้อยู่
นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รักษาการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวลดลงกว่าปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 10% แต่มั่นใจว่าหลังการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงหลังจากนี้
ส่วนกรณีที่สิงคโปร์นำเทศกาลสงกรานต์ไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของสิงคโปร์นั้น มองว่าเป็นเรื่องดีที่ต่างชาติให้ความสนใจและเป็นการช่วยเผยแพร่ประเพณีและวัฒนธรรมไทย
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดเป้าสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากเดิมที่คาดว่าจะโต 9-11% หลังจากเริ่มส่งสัญญาณมีปัญหาบ้างแล้ว ทั้งในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์การเกษตรให้ชาวนา และผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีการชุมนุมทางการเมือง ถึงแม้จะหยุดบ้างแล้วบางส่วน แต่กำลังกลับมาซื้อยังมีไม่มาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะส่งผลให้ดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศกลับมาได้ รวมถึงภาคท่องเที่ยวจะได้อานิสงส์ด้วย
ทั้งนี้ สินเชื่อจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจโตก็จะทำให้สินเชื่อโตตาม และมีความเป็นไปได้ที่หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้ให้อยู่ที่ 2.85-2.89% ซึ่งคาดว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก เนื่องจากความสามารถในการจ่ายหนี้ของลูกค้าเริ่มลดลง เนื่องจากสัญญาณจากการที่ลูกค้ามาขอยืดหนี้มากขึ้น แต่ยังมั่นใจว่าไม่กระทบอัตราการเติบโตรายได้รวมของเอสเอ็มอีที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 14%.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 19 มีนาคม 2557
หอการค้าไทยคาดจีดีพีปีนี้โต 2-3% หากศึกการเมืองจบภายใน 6 เดือน ตั้งรัฐบาลได้ไตรมาส 3 แต่หากไม่เป็นไปตามแผน เกิดความรุนแรง เศรษฐกิจส่อติดลบถึง 2% "สมศักดิ์" สั่ง ททท.ทำแผนกระตุ้นท่องเที่ยว กสิกรไทยจ่อหั่นเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี คุมเอ็นพีแอล 2.85-2.95% แต่หวั่นจะเพิ่มได้อีก
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่รุนแรง และสามารถจบได้ภายใน 6 เดือนจากนี้ รวมทั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2-3% แต่หากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่านี้แน่นอน และหากมีสถานการณ์รุนแรงยาวนานมากกว่า 1 เดือน มองว่าเศรษฐกิจน่าจะโต 0% หรืออาจถึงติดลบ 2%
ทั้งนี้ ด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% หรือประมาณ 27.5 ล้านคน แต่ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียง 0.06% ซึ่งส่งผลกระทบถึงธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรม สปา สินค้าที่ระลึก และธุรกิจรถเช่า เป็นต้น ด้านการส่งออกแม้ตัวเลขการส่งออกในปี 2556 ลดลง 0.2% แต่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวที่ 5% ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก
ส่วนการใช้จ่ายของรัฐ คาดว่างบประมาณปี 2558 อาจจะมีการติดขัดบ้าง หากรัฐบาลใหม่มีการจัดตั้งได้ล่าช้า ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 จะกระทบเฉพาะงบประมาณลงทุนเพียง 30% เท่านั้นที่จะล่าช้าไป เพราะงบประมาณรายจ่ายประจำอีก 70% ยังใช้ได้อยู่
นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รักษาการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวลดลงกว่าปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 10% แต่มั่นใจว่าหลังการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงหลังจากนี้
ส่วนกรณีที่สิงคโปร์นำเทศกาลสงกรานต์ไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของสิงคโปร์นั้น มองว่าเป็นเรื่องดีที่ต่างชาติให้ความสนใจและเป็นการช่วยเผยแพร่ประเพณีและวัฒนธรรมไทย
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดเป้าสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากเดิมที่คาดว่าจะโต 9-11% หลังจากเริ่มส่งสัญญาณมีปัญหาบ้างแล้ว ทั้งในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์การเกษตรให้ชาวนา และผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีการชุมนุมทางการเมือง ถึงแม้จะหยุดบ้างแล้วบางส่วน แต่กำลังกลับมาซื้อยังมีไม่มาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะส่งผลให้ดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศกลับมาได้ รวมถึงภาคท่องเที่ยวจะได้อานิสงส์ด้วย
ทั้งนี้ สินเชื่อจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจโตก็จะทำให้สินเชื่อโตตาม และมีความเป็นไปได้ที่หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้ให้อยู่ที่ 2.85-2.89% ซึ่งคาดว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก เนื่องจากความสามารถในการจ่ายหนี้ของลูกค้าเริ่มลดลง เนื่องจากสัญญาณจากการที่ลูกค้ามาขอยืดหนี้มากขึ้น แต่ยังมั่นใจว่าไม่กระทบอัตราการเติบโตรายได้รวมของเอสเอ็มอีที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 14%.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 19 มีนาคม 2557