หญิงเก่งยึดทำงานเพื่อส่วนรวม
Posted: 20 Mar 2014, 11:37
หญิงเก่งยึดทำงานเพื่อส่วนรวม
สำหรับปีนี้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติดีเด่นน่ายกย่องเป็น “ต้นแบบ” ของหญิงเก่งและแกร่ง 31 คน แบ่งเป็น 8 ประเภทได้แก่ ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น
แรงงานสตรีมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมากว่า 3 ทศวรรษ โดยในเชิงเศรษฐกิจพบว่าจำนวนกลุ่มสตรีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและทำงานในสาขาอาชีพต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง กล่าวคือในจำนวนผู้มีงานทำ 38.02 ล้านคน มีแรงงานสตรีจำนวน 17.28 ล้านคน กระทรวงแรงงาน โดย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในฐานะองค์กรหลักที่ทำหน้าที่บริหารแรงงานตลอดจนการให้ความคุ้มครองดูแลแรงงาน ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของแรงงานสตรีที่ทวีบทบาทมากขึ้นในสังคม จัดงาน วันสตรีสากลประจำปี 2557 “แรงงานสตรีร่วมใจ ต้านภัยการค้ามนุษย์” ประกาศเกียรติคุณสตรีผู้ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเป็นที่ยอมรับว่า มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จในอาชีพ และทำประโยชน์แก่สังคม เพื่อเข้ารับประทานโล่รางวัลสตรีดีเด่นจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องมิราเคิล แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวชั่น กรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติดีเด่นน่ายกย่องเป็น “ต้นแบบ” ของหญิงเก่งและแกร่ง 31 คน แบ่งเป็น 8 ประเภทได้แก่ ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีนักบริหารภาคเอกชนดีเด่น 6 คน สตรีนักบริหารภาครัฐวิสาห กิจดีเด่น 1 คน สตรีนักบริหารภาคราชการ ดีเด่น 1 คน, ประเภทสตรีผู้ปฏิบัติการดีเด่น สาขาสตรีผู้ปฏิบัติการภาคเอกชนดีเด่น 6 คน สตรีผู้ปฏิบัติการภาครัฐวิสาหกิจดีเด่น 1 คน สตรีผู้ปฏิบัติ การภาคราชการดีเด่น 1 คน, ประเภทสตรีเครือข่ายการคุ้ม ครองแรงงาน สาขาที่ปรึกษาแรงงานหญิงดีเด่น 4 คน, ประเภทสตรีผู้ประกอบ อาชีพอิสระดีเด่น 7 คน, ประเภทศิลปินสตรีดีเด่น 1 คน, ประเภทสื่อมวลชนดีเด่น 1 คน, ประเภทนักกีฬาสตรีดีเด่น 1 คน และ ประเภท สตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น 1 คน
สตรีที่ได้รับรางวัล สตรีผู้ปฏิบัติการภาคเอกชน ดีเด่น นางนิรมล รุจิราโสภณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งและส่งออก เผยว่า สังคมเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมากขึ้น แต่ละครอบครัวส่งบุตรหลานเรียนสูงขึ้น ผู้หญิงมีความสามารถและมีความเป็นแม่อยู่ในตัว หลักการบริหารจึงดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว แต่บริหาร ธุรกิจแบบสากลเ น้นความสะอาด ถูกหลักอนามัยเป็นมาตรฐานในการผลิตสินค้าเน้นความสะอาด
ด้าน น.ส.ศิริวรรณ ว่องเกียรติไพศาล หัวหน้าสำนักงานและทนายความสำนักงานกฎหมายเอสอาร์ เจ้าของ รางวัลสตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น เผยว่า แรกเริ่มมีสำนักงานกฎหมายโดยแบ่งเป็นภาคธุรกิจคือรับทำคดีทั่วไป อีกส่วนหนึ่งคิดว่าควรตอบแทนสังคม จึงเริ่มรับทำคดีให้สภาทนายความและมูลนิธิองค์กรต่าง ๆ ที่ติดต่อเข้ามา โดยปี พ.ศ. 2554 คดีแรกสำเร็จคือ คดีแรงงานพม่าหลบหนีเข้าเมือง 30 คน ขอใช้สิทธิฟ้องนายจ้างเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะนั้นมีการถกเถียงเรื่องสิทธิของแรงงานที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง ส่วนตัวคิดว่าประเด็นการค้ามนุษย์ ยิ่งมีผู้สนใจน้อยยิ่งควรสร้างคนรุ่นใหม่มาสืบทอดเจตนารมณ์ แม้ว่าการทำงานค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับผู้มีอิทธิพลไม่ปลอดภัยแก่ตัวเอง แต่หากกลัวก็ไม่สามารถทำงานนี้ได้ ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจและเป็นธรรม มีความภูมิใจมากที่ใช้ความถนัดมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและช่วยเหลือสังคม
ส่วนสตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น นางอาภรณ์ แสงโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี จ.แม่ฮ่องสอน เล่าว่า งานในรับผิดชอบคือร่วมกับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.แม่ฮ่องสอน ส่งเสริมเด็ก เยาวชน ผู้หญิง ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ คนชราและกลุ่มชาติพันธุ์ 7 ชนเผ่า ดำเนินการฝึกอาชีพตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง รณรงค์ให้มีการปลูกพืชผักปลอดสารพิษฟื้นฟูอาหารพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ นอกจากนี้สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทยได้แต่งตั้งเป็นศูนย์สำรวจ เฝ้าระวังและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชนอำเภอปาย ทำหน้าที่สอดส่องและให้ความรู้แก่ชุมชนเพื่อจะได้ไม่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ที่ผ่านมายึดคติการทำงานว่า “ทำให้ดีที่สุด” ส่วนตัวมองว่าการส่งเสริมให้คนมีสุขภาพสมบูรณ์ มีความรู้ สุขภาพจิตดี ได้ประกอบอาชีพที่ดี ความเป็นอยู่ของชุมชนจะน่าอยู่อาศัยยิ่งขึ้น.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 20 มีนาคม 2557
สำหรับปีนี้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติดีเด่นน่ายกย่องเป็น “ต้นแบบ” ของหญิงเก่งและแกร่ง 31 คน แบ่งเป็น 8 ประเภทได้แก่ ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น
แรงงานสตรีมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมากว่า 3 ทศวรรษ โดยในเชิงเศรษฐกิจพบว่าจำนวนกลุ่มสตรีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและทำงานในสาขาอาชีพต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง กล่าวคือในจำนวนผู้มีงานทำ 38.02 ล้านคน มีแรงงานสตรีจำนวน 17.28 ล้านคน กระทรวงแรงงาน โดย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในฐานะองค์กรหลักที่ทำหน้าที่บริหารแรงงานตลอดจนการให้ความคุ้มครองดูแลแรงงาน ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของแรงงานสตรีที่ทวีบทบาทมากขึ้นในสังคม จัดงาน วันสตรีสากลประจำปี 2557 “แรงงานสตรีร่วมใจ ต้านภัยการค้ามนุษย์” ประกาศเกียรติคุณสตรีผู้ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเป็นที่ยอมรับว่า มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จในอาชีพ และทำประโยชน์แก่สังคม เพื่อเข้ารับประทานโล่รางวัลสตรีดีเด่นจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องมิราเคิล แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวชั่น กรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติดีเด่นน่ายกย่องเป็น “ต้นแบบ” ของหญิงเก่งและแกร่ง 31 คน แบ่งเป็น 8 ประเภทได้แก่ ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีนักบริหารภาคเอกชนดีเด่น 6 คน สตรีนักบริหารภาครัฐวิสาห กิจดีเด่น 1 คน สตรีนักบริหารภาคราชการ ดีเด่น 1 คน, ประเภทสตรีผู้ปฏิบัติการดีเด่น สาขาสตรีผู้ปฏิบัติการภาคเอกชนดีเด่น 6 คน สตรีผู้ปฏิบัติการภาครัฐวิสาหกิจดีเด่น 1 คน สตรีผู้ปฏิบัติ การภาคราชการดีเด่น 1 คน, ประเภทสตรีเครือข่ายการคุ้ม ครองแรงงาน สาขาที่ปรึกษาแรงงานหญิงดีเด่น 4 คน, ประเภทสตรีผู้ประกอบ อาชีพอิสระดีเด่น 7 คน, ประเภทศิลปินสตรีดีเด่น 1 คน, ประเภทสื่อมวลชนดีเด่น 1 คน, ประเภทนักกีฬาสตรีดีเด่น 1 คน และ ประเภท สตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น 1 คน
สตรีที่ได้รับรางวัล สตรีผู้ปฏิบัติการภาคเอกชน ดีเด่น นางนิรมล รุจิราโสภณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งและส่งออก เผยว่า สังคมเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมากขึ้น แต่ละครอบครัวส่งบุตรหลานเรียนสูงขึ้น ผู้หญิงมีความสามารถและมีความเป็นแม่อยู่ในตัว หลักการบริหารจึงดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว แต่บริหาร ธุรกิจแบบสากลเ น้นความสะอาด ถูกหลักอนามัยเป็นมาตรฐานในการผลิตสินค้าเน้นความสะอาด
ด้าน น.ส.ศิริวรรณ ว่องเกียรติไพศาล หัวหน้าสำนักงานและทนายความสำนักงานกฎหมายเอสอาร์ เจ้าของ รางวัลสตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น เผยว่า แรกเริ่มมีสำนักงานกฎหมายโดยแบ่งเป็นภาคธุรกิจคือรับทำคดีทั่วไป อีกส่วนหนึ่งคิดว่าควรตอบแทนสังคม จึงเริ่มรับทำคดีให้สภาทนายความและมูลนิธิองค์กรต่าง ๆ ที่ติดต่อเข้ามา โดยปี พ.ศ. 2554 คดีแรกสำเร็จคือ คดีแรงงานพม่าหลบหนีเข้าเมือง 30 คน ขอใช้สิทธิฟ้องนายจ้างเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะนั้นมีการถกเถียงเรื่องสิทธิของแรงงานที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง ส่วนตัวคิดว่าประเด็นการค้ามนุษย์ ยิ่งมีผู้สนใจน้อยยิ่งควรสร้างคนรุ่นใหม่มาสืบทอดเจตนารมณ์ แม้ว่าการทำงานค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับผู้มีอิทธิพลไม่ปลอดภัยแก่ตัวเอง แต่หากกลัวก็ไม่สามารถทำงานนี้ได้ ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจและเป็นธรรม มีความภูมิใจมากที่ใช้ความถนัดมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและช่วยเหลือสังคม
ส่วนสตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น นางอาภรณ์ แสงโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี จ.แม่ฮ่องสอน เล่าว่า งานในรับผิดชอบคือร่วมกับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.แม่ฮ่องสอน ส่งเสริมเด็ก เยาวชน ผู้หญิง ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ คนชราและกลุ่มชาติพันธุ์ 7 ชนเผ่า ดำเนินการฝึกอาชีพตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง รณรงค์ให้มีการปลูกพืชผักปลอดสารพิษฟื้นฟูอาหารพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ นอกจากนี้สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทยได้แต่งตั้งเป็นศูนย์สำรวจ เฝ้าระวังและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชนอำเภอปาย ทำหน้าที่สอดส่องและให้ความรู้แก่ชุมชนเพื่อจะได้ไม่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ที่ผ่านมายึดคติการทำงานว่า “ทำให้ดีที่สุด” ส่วนตัวมองว่าการส่งเสริมให้คนมีสุขภาพสมบูรณ์ มีความรู้ สุขภาพจิตดี ได้ประกอบอาชีพที่ดี ความเป็นอยู่ของชุมชนจะน่าอยู่อาศัยยิ่งขึ้น.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 20 มีนาคม 2557