Page 1 of 1

คนจนทุกหย่อมหญ้า

Posted: 04 Apr 2014, 18:35
by brid.ladawan
คนจนทุกหย่อมหญ้า

สถาบันอนาคตไทยฯ เผยผลศึกษาความเหลื่อมล้ำไทย พบครัวเรือนจนสุดมีรายได้เพียงเดือนละ 4,300 บาท ห่างจากคนรวยที่สุดมีรายได้เดือนละ 9 หมื่นบาท ที่ไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นคนแก่ รอเงินลูกหลานส่งให้ ส่วนนายกฯ มีทรัพย์สินสูงกว่าประชาชน 9,000 เท่า สะท้อนการกำหนดนโยบายแก้ไขเหลื่อมล้ำทำได้ไม่จริง

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นักวิชาการมูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความเหลื่อมล้ำของครัวเรือนไทย ว่า ปัญหาความเลื่อมล้ำของไทยไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา โดยกว่า 2 ล้านครัวเรือน จาก 22 ล้านครัวเรือนที่มีอยู่ทั้งประเทศ เป็นกลุ่มครัวเรือนที่จนที่สุด มีรายได้เฉลี่ยเพียงเดือนละ 4,300 บาทเท่านั้น ต่างจากกลุ่มที่รวยที่สุดซึ่งมีรายได้เฉลี่ยถึงเดือนละ 90,000 บาท และส่วนใหญ่กลุ่มครัวเรือนที่จนที่สุดนั้น เป็นครอบครัวที่มีคนชราเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่ใช่ชาวนา หรือเกษตรกรอย่างที่เข้าใจกัน มีรายได้หลักมาจากเงินที่ลูกหลานส่งมาให้ รองลงมาเป็นครอบครัวเกษตรกร และประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า ซึ่งกลุ่มครัวเรือนที่จนนี้กว่า 44% เป็นครัวเรือนที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงเรื่องทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือผู้ที่เป็นตัวแทนของประชาชน เป็นครัวเรือนที่อยู่ในกลุ่มที่รวมที่สุด โดยจากการสำรวจข้อมูลล่าสุดของส.ส.ของไทยจำนวน 500 คน ที่ได้รับการเลือกตั้งมาเมื่อปี 54 แต่ละครัวเรือนของส.ส.มีทรัพย์สินเฉลี่ย 81 ล้านบาท มากกว่ามูลค่าทรัพย์สินของครัวเรือนไทย 99.999% หรือมีมูลค่ารวมกันประมาณ 40,000 ล้านบาท มากพอ ๆ กับทรัพย์สินของครัวเรือนไทย 2 ล้านครัวเรือนรวมกัน

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรี กับกลุ่มครัวเรือนที่มีทรัพย์สินสุทธิอยู่กึ่งกลาง หรือเป็นกลุ่มครัวเรือนที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดกับน้อยที่สุด พบว่า ผู้นำของไทยมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าถึง 9,000 เท่า ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น อินเดีย ที่ห่างกัน 2,000 เท่า ฟิลิปปินส์ 600 เท่า ซึ่งน่าสังเกตว่า ผู้เข้ามาเป็นคนที่กำหนดนโยบายของประเทศเหล่านี้มีฐานะไม่ได้ใกล้เคียงประชาชนส่วนใหญ่แทนที่จะเป็นตัวแทนให้ จึงอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยไม่ได้ถูกแก้ไขเสียที

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 4 เมษายน 2557