Page 1 of 1

“นพ.พลเดช” ย้ำปฏิรูปใช้ กม.ปรับสำนึก “ธีรภัทร์” ปลุก คสช.กล้

Posted: 26 Jun 2014, 13:37
by brid.siriwan
“นพ.พลเดช” ย้ำปฏิรูปใช้ กม.ปรับสำนึก “ธีรภัทร์” ปลุก คสช.กล้าทำเรื่องใหญ่

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“นพ.พลเดช” ย้ำปฏิรูปใช้ กม.ปรับสำนึก “ธีรภัทร์” ปลุก คสช.กล้าทำเรื่องใหญ่
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา(แฟ้มภาพ)

ถกเสวนายกเครื่องประเทศ โจทย์ใหญ่ปฏิรูป “นพ.พลเดช” ยกชาติอื่นปฏิรูปทุก 20-30 ปี รับคณะปฏิรูปทำงานเนื้อหาไม่เท่าไร อาจารย์โนเนมร่วม สร้างโครงส่งกรอบประเด็นสภาปฏิรูป ย้ำปฏิรูปการใช้ กม.ปรับสำนึก “ธีรภัทร์” หนุนปฏิรูปทุกมิติ ย้อนไร้ปฏิรูปมานาน จี้ คสช.กล้าตัดสินใจ ทำเรื่องใหญ่อย่ามุ่งเรื่องเล็ก ไม่ต้องทำหมดแต่ทำให้ถูก “จรัส” แนะกระจายอำนาจ ปฏิรูป ตร.

วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่อาคารศศนิเวศ มูลนิธิ Insight Foundation โดยศูนย์วิจัยข้อมูลการเมืองไทย ร่วมกับมูลนิธิฟรีดริชเนามัน จัดเสวนาหัวข้อเรื่อง “ยกเครื่องประเทศไทย โจทย์ใหญ่ปฏิรูปประเทศ” โดยมี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา นพ.พลเดชกล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูป ประเทศอื่นทุก ๆ 20-30 ปี จะต้องมีการปฏิรูปก่อนให้เกิดวิกฤต ตนได้เข้าไปประชุมกับ คสช.เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย คสช.มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาอยู่ 1 ชุด เตรียมกรอบไว้ 4 ด้าน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม กระบวนการยุติธรรม ทั้งหมด 11 ประเด็น ทีมที่ทำงานเป็นทหารนักวิชาการ และอาจารย์ที่ไม่มีชื่อเสียง ซึ่งเขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของประเด็น โดยข้างฝาห้องก็ติดคำสัมภาษณ์ไว้ว่าใครให้คำสัมภาษณ์ไว้อย่างไร

“การทำงานของคณะปฏิรูปตอนนี้เนื้อหาสาระไม่ค่อยเท่าไหร่ เป็นเพื่อการขึ้นโครงไว้เท่านั้นเพื่อส่งกรอบประเด็นให้กับสภาปฏิรูป รัฐบาล สนช.ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง โดยระหว่างขึ้นกรอบประเด็นจะเชิญภาคประชาชนไปเพื่อเชื่อมกัน เมื่อมีสภาปฏิรูปเกิดขึ้น และ สนช.ต้องจบภายใน 30 เดือนกรกฎาคม เพื่อส่งต่อให้สภาปฏิรูป และ สนช. การปฏิรูปไม่ใช่การปฏิรูปกฎหมายอย่างเดียว แต่ต้องปฏิรูปการบังคับใช้ด้วย โดยการขับเคลื่อนโดยภาคส่วนต่าง ๆ และปรับเปลี่ยนสำนึกวิธีคิด” นพ.พลเดชกล่าว

ด้าน ศ.ดร.ธีรภัทร์กล่าวว่า การปฏิรูปต้องครบทุกมิติ บริบทการปฏิรูปสมัยพระพุททธเจ้าหลวงเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้พ้นจากลัทธิอาณานิคมได้สำเร็จมากพอสมควร เนื่องจากท่านมีอำนาจมาจากการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หลังจากนั้นก็ไม่มีการปฏิรูปอีกเลย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเราประสบปัญหาต่างๆ มากมายที่หมักหมมมายาวนานจนกระทั่งบัดนี้

“คสช.มีอำนาจเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ภายใน 3 เดือน ต้องเข้าใจอำนาจที่มีอยู่ คือ อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร จึงอยากเห็น 2 เดือนข้างหน้ากล้าตัดสินใจเรื่องที่รัฐบาลปกติทำได้ยาก (อาจจะถูกมองว่าไม่มีส่วนร่วม-เผด็จการ-ไม่ได้รับการยอมรับ) เพราะถึงแม้จะไปออกกฎหมายหลังจากมีนิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะคงไม่สามารถออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่ คสช.ไปทำในเรื่องการไปจัดระเบียบรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ เช่น การออกกฎหมายการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นอกจากนี้ เสนอกระทรวงศึกษาธิการออกนอกระบบกระทรวง โดยจัดให้มีคณะกรรมการที่เป็นแทคโนแครต ผู้รู้ มานั่งเป็นคณะกรรมการ ผู้นำไม่จำเป็นต้องทำทุกเรื่องแต่ทำให้ถูกเรื่อง” ศ.ดร.ธีรภัทร์กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.จรัสกล่าวว่า ให้ คสช.ตั้งต้นนับหนึ่งได้ แต่การปฏิรูปต้องนับถึงร้อย ควรปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การกระจายอำนาจ โดยใช้เวลาที่ไม่มีนักการเมืองในการเดินหน้าปฏิรูปเรื่องนี้ รวมทั้งการปฏิรูปตำรวจด้วย

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 25 มิถุนายน 2557